รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ

รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ

ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนหาหนังดีแนวฟีลกู๊ด อบอุ่นหัวใน ดูในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ผู้เขียนอยากจะขอแนะนำ รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ เป็นภาพยนตร์ที่มีความซาบซึ้ง สร้างจากเรื่องจริงของ “เมอร์ฮัน คาริมี่ แนสเซรี่ Merhan Karimi Nasseri” ดูหนังTitanic ไททานิค (1997)

ภาพยนตร์เรื่อง The Terminal ออกฉายเมื่อปี 2004 หรือปี พุทธศักราช 2547 ซึ่งได้สุดยอดผู้กำกับระดับตำนาน อย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก มากระทำการควบคุมหนังเรื่องนี้ถ้ากล่าวถึง สปีลเบิร์ก แล้ว

ทุกคนจะต้องคิดถึงดารานำชายคู่บารมีของเขาอย่าง ทอม แฮงค์ ผู้แสดงนำชายระดับฮอลลีวูดที่เพิ่งจะมีข่าวสารว่า หายจาก โรค COVID-19 ไปหมาดๆซึ่งในประเด็นนี้เขาก็ได้รับเล่นเป็นดารานำชาย

แล้วก็ได้ตามติดคู่กับนางเอกสุดงามอย่าง แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ นั่นเอง ภายในเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อนั้น ติดตามอ่านต่อได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ หรือติดตามชมเต็มเรื่องได้ที่ ดูหนังชนโรง

รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ เรื่องย่อ

The Terminal ด้วยรักและมิตรภาพ เป็นภาพยนตร์ แนว Comedy-Drama ที่ตัวละครนำอย่าง วิกเตอร์ นาเวอร์สกี้ (ทอม แฮงค์) ผู้ชายวัยกลางคนคนยุโรป เขาตั้งมั่นเดินทางมายังท่าอากาศยานเจ เอฟ เค ประเทศอเมริกา เพื่อกระทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาของเขา ซึ่งการมาอเมริกาของเขาในคราวนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงที่ประเทศคาร์โคเชียร์ถิ่นฐานบ้านเกิดของเขา

แต่เหมือนเรื่องราวจะยังเลวร้ายมากขึ้นไปอีก เมื่อ อเมริกา มีประกาศ ยกเลิกพาสสปอร์ตของคนประเทศ คาร์โคเชียร์ นั่นก็เลยทำให้เขาไม่มาสามรถเดินทางเข้าเมืองนิวยอร์กได้

และยังรวมไปถึงเดินทางนั่งเครื่องบินกลับประเทศเขาเองก็ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ก็เลยทำให้เขาจำเป็นต้องอาศัยอยู่ได้แต่ในอาคารสำหรับผู้โดยสารที่รอจะเปลี่ยนเครื่อง

รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ

ซึ่งพื้นที่นี้ไม่ผิดกฎหมายของ อเมริกา กระทั่งที่เรื่องราวทั้งหมดทุกอย่างในประเทศของเขาจะคลี่คลาย หรือ อเมริกาได้อนุญาติให้สถานะยอมรับพาสสปอร์ตแก่เขาอีกรอบ ถ้าเกิดดูจากเรื่องราวที่เล่ามาข้างต้นนั้น เรื่องราวของวิกเตอร์ นาเวอร์สกี้ นั้นอะไรจะโชคร้ายซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้

การดำเนินเรื่อง

เรียกได้ว่าเกิดเรื่องราวสุดดราม่าช้ำใจผู้ชมกันสุดเลยก็ว่าได้ แต่ ตัวหนังกลับมิได้พาผู้ชมให้จมหรือรู้สึกมืดมนกับเรื่องราวและก็สถานะการณ์ของเขาเลย ด้วยเหตุว่า วิกเตอร์ นาเวอร์สกี้ นั้นเขาเป็นผู้ที่มองดูโลดในด้านดีสุดๆถึงขนาดที่ผู้ชมบางทีก็อาจจะถึงขนาดปวดศีรษะกับการคิดแง่ดีของเขาเลยก็ว่าได้ ดูหนัง the terminal เรื่องจริง

แต่ว่าเพราะเหตุว่าการมองโลกในด้านบวกของเขา รวมทั้งการไม่จมทุกข์กับเหตุร้ายทำให้ วิกเตอร์ ได้หาทางออกให้กับเหตุการณ์อันเลวของเขา

ทั้งยังเขายังได้เจอมิตรภาพใหม่ๆอย่าง กุ๊ปตาร์ ชายแก่ชาวอินเดียที่เป็นข้าราชการทำความสะอาด, มัลรอย รปภ. ร่างใหญ่ผิวสีแต่ว่าใจดี, เอ็นริเก้ หนุ่มวัยโจ๋ ประเทศสเปนที่ทำงานขับรถขนของกิน, ทอร์เรสต์ ข้าราชการตรวจคนเข้าเมืองสุดเข้ม

พวกเขาได้มองเห็นความรู้ความเข้าใจและก็การมองโลกในด้านดีของ วิกเตอร์ พวกเขาก็เลยรอช่วยเหลือ วิกเตอร์อีกทั้งในประเด็นต่างๆเท่าที่ทำเป็น

รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ

แต่ แฟรงค์ ดิคสัน เจ้าหน้าที่ประจำท่าอากาศยาน เจเอฟเค จะไม่เห็นพ้อง เขาอยากที่จะไล่วิกเตอร์ออกไปจากท่าอากาศยานที่เขาดูแลอยู่เพราะว่า วิกเตอร์นั้นอาจส่งผลให้เขาหลุดจากตำแหน่งและเขาไม่สามารถควบคุมคนอย่างวิกเตอร์ได้เลย

นักแสดงนำในภาพยนตร์และพล็อตเรื่องต่างๆ

ทอม แฮงค์ รับบทเป็น วิคเตอร์ นาวาสกี้

แคเธอรีน ซีตา-โจนส์ รับบทเป็น เอมิลี วอเรนท์

นักแสดงนำ อย่างทอม แฮงค์ นับว่าเป็นศิลปินดังดาราหนังชั้นหนึ่งที่เล่นได้อย่างสมหน้าที่ ด้วยการแสดงเป็นวิคเตอร์ นาวาสกี้ คนที่มองใสซื่อ มองโลกในแง่ดีแบบดีสุดๆกระทั่งทำให้ผู้ชมอย่างพวกเราแอบมีความรู้สึกว่าพวกเราจะสามารถคิดแล้วก็ทำเป็นราวกับอย่างนักแสดงนี้หรือเปล่า ให้ความรู้ความเข้าใจสึกว่าโลกพวกเราก็ยังมีเรื่องมีราวให้พวกเราแก้ได้เรื่อยเป็นไปไม่ได้ตัน ถ้าพวกเรามองโลกในแง่ดีเสมอ ดูหนัง ด้วยรักและมิตรภาพ

รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ

เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของเซอร์ อัลเฟรด เมฮ์ราน ซึ่งเป็นชายชาวประเทศอิหร่านคนหนึ่งถูกขับไล่ออกนอกประเทศ แล้วก็ได้ทำเอกสารหลบภัยหาย ทำให้เขาจะต้องติดแหง็กอยู่ในท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกลในกรุงปารีสอยู่ถึง 18 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี 1988-2006 อย่างยิ่งจริงๆ

โดยเรื่องราวในภาพยนตร์นั้นบ่งบอกถึงถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่คิดบวกแบบสุดๆถึงแม้อันที่จริงแล้วเรื่องราวจะดูสุดสะเทือนใจผู้ชมก็จริง แต่ว่าหนังไม่ได้ทำให้พวกเราจมและก็รู้สึกจิตตกไปกับนักแสดงเลย โดยเรื่องราวเชิญชวนให้พวกเราคิดบวกไปกับผู้แสดงอย่างวิคเตอร์เอามากๆ

แรงบันดาลใจจากการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้

หนังได้แรงบันดาลใจจาก Mehran Karimi Nasseri ผู้ลี้ภัยสัญชาติ Iranian ที่อาศัยอยู่รอบๆ Terminal One ในท่าอากาศยาน Charles de Gaulle, France เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 1988 จนกระทั่งกรกฎาคม 2006 ด้วยมูลเหตุที่ว่าเอกสารหนีภัยเข้าเมืองหาย ทำให้แปลงเป็นคนไม่มีชนชาติ (Stateless) ไปไหนมิได้ก็เลยอาศัยหลงเหลืออยู่ในท่าอากาศยาน The Terminal (2004)

ข่าวสารของ Nasseri มีความเห็นว่าก็ดังอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งระหว่างนั้นประเทศ Belgium เคยยื่นข้อเสนอมอบชนชาติ/ที่อยู่อาศัยให้ แต่ว่าเจ้าตัวกลับไม่เอา ไม่ยินยอมเซ็นเอกสารอะไรก็แล้วแต่ทั้งหมด (จริงๆเป็นเรื่องมาก เพราะเหตุว่าอยากอยากได้เชื้อชาติอังกฤษมากยิ่งกว่า)

ปี 2003, สตูดิโอ DreamWorks ของ Spielberg มีความคิดเห็นว่าชำระเงิน $250,000 เพื่อเป็นค่าขนมลิขสิทธิ์ให้กับ Nasseri แต่มิได้ให้เครดิตเขาแม้แต่น้อย ซึ่งเจ้าตัวก็มิได้ออกมาโวยวายอะไร (คงจะเป็นในข้อสัญญาพอดิบพอดี) ซึ่งตอนปี 2004 ตอนที่หนังออกฉาย เขาก็ได้พิมพ์หนังสือชีวประวัติ The Terminal Man ขายพร้อมเพียงกัน

ดูหนังชนโรง

การอาศัยอยู่ใน Terminal One ของ Nasseri ได้สิ้นสุดลงจากการจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล (ไม่มีกำหนดโรคที่ป่วยหนัก) เมื่อก.ค. 2006 ซึ่งพี่แกก็บากบั่นหาทางหนีกลับไปท่าอากาศยานแม้กระนั้นไม่เกิดผล ปัจจุบันนี้อาศัยอยู่ Emmaus Charity สถานที่พักของคนยากจนแล้วก็ไม่มีบ้านในกรุง Paris คงจะอยู่อย่างสบายอย่างยิ่งจริงๆ the terminal 2004 พากย์ไทย

หลังเสร็จจาก Catch Me If You Can (2002) ผู้กำกับ Steven Spielberg มอบหมายหน้าที่ปรับปรุงบทภาพยนตร์ให้ Sacha Gervasi กับ Jeff Nathanson คนหลังเพิ่งร่วมงานกันจาก Catch Me If You Can (2002), โดยได้สร้างประเทศสมมติ Krakozhia ไม่มีการระบุตำแหน่งในแผนที่แน่ๆ

แม้กระนั้นรู้ดีว่าแตกออกมาจากโซเวียต (ก็เลยบอกรัสเซียได้) ซึ่งในเวลานั้นกำลังกำเนิดสงครามจราจลยึดอำนาจข้างใน (แม้กระนั้นภาพสถานะการณ์จราจลในทีวี มาจาก Republic of Macedonia) ส่งผลให้ Passport ของประชาชน Krakozhian ถูกยับยั้งห้ามเข้าในหลายๆประเทศ

รีวิวหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ บทสรุปภาพยนตร์

ตัวหนัง The Terminal นั้นใช้ทุนสร้าง 60ล้านเหรียญแต่ว่ากับปัดกวาดรายได้จากทั่วทั้งโลกไปได้ถึง 219 ล้านเหรียญ ซึ่งมากมายก่ายกองมากมายก่ายกอง ทั้งยังยังปัดกวาดรางวัลอีกเพียบเลย เช่น รางวัลสโมสรผู้กำกับศิลป สาขาดีไซน์งานสร้างดี เอมิเลีย วอเรนท์ หญิงสาว แอร์โฮสเตสแสนงาม ที่วิกเตอร์ได้หลงเสน่ห์ พูดได้ว่าคุณนั้นเป็นรักแรกพบของวิกเตอร์เลยก็ว่าได้ 

แม้กระนั้นอะไรบางอย่างเสมือนจะไม่เป็นใจให้กับรักของเขารวมทั้งเธอเลยเสียเลย เนื่องจากวิกเตอร์นั้นปิดปังข้อเท็จจริงกับคุณเรื่องที่เขาโดนกักบริเวณอยู่ที่ท่าอากาศยาน the terminal เต็มเรื่อง พากย์ไทย

ทั้งยังเธอนั้นต้องการจะหาใครบางคนที่จะลงหลักปักฐานและก็ดำรงชีวิตรักป้อมอาจจะทำให้ วิกเตอร์จะต้องแอบซ่อนความเป็นจริงเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งปวงรวมทั้งเพียรพยายาม ทำทั้งหมดทุกอย่างเพื่อเป็นราวกับชายที่เธอได้วาดวิมานในอากาศไว้

ดูหนังชนโรง

แม้หนังประเด็นนี้นั้นจะสร้างความสนุกและก็เรื่องราวให้ผู้ชมมากไม่น้อยเลยทีเดียวนั้น ทว่า ก็ยังมีความนัยยะแอบแฟงอยู่มากมายก่ายกองดังเช่น การที่หญิงสาวแอร์โฮสเตสแสนงาม อยากชายที่สมเกียรติกับเขา

เขาจะไม่มองดูชายที่ด้อยกว่าเขาเด็ดขาด หรือเหล่าสหายๆของวิกเตอร์ที่จำต้องมาดำเนินงานในท่าอากาศยานในขณะที่ไม่ใช่คนชาติอเมริกาแล้วก็แฟรงค์ ดิคสัน ชายชาวอเมริกาที่ปรารถนาไล่ผู้ที่ไม่ใช่ชาวอเมริกาออกมาจากประเทศตนเอง

บางทีอาจเปรียบได้เสมือนดั่งกับการดูถูกเชื้อชาติของคนอเมริกาในยุคในนั้น ก็ได้ ไม่ทราบว่าผู้กำกับอย่างสตีเว่น สปีลเบิร์ก นั้นเจตนาที่จะใส่เข้าไปหรือไม่ก็ไม่เคยทราบ แต่ว่าผู้แต่งคาดว่าเขาบางทีอาจตั้งใจก็ได้นะ

ทั้งยังการมองโลกในทางดีของดารานำชายก็ทำให้ผู้ชมมีความคิดว่า หนังนั้นให้ความรู้ความเข้าใจสึกที่ feel good เพราะเหตุว่าวิกเตอร์ นั้นเขาไม่โทษความผิดพลาดใครกันแน่เลยแต่ว่าเขาพร้อมที่จะรอ สหายที่สิ่งดีๆจะเข้ามาหาเขา นี่อาจจะเป็นผลให้ผู้ชมที่กำลังร้อนใจกับเหตุการณ์ตอนนี้ นั้นรู้สึกก้าวผ่านเรื่องร้ายๆก็ได้ รับชมภาพยนตร์สนุกๆเรื่องอื่นเพิ่มเติมได้ที่ ดูหนังเก่ายอดนิยม

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์

The Terminal ก็คือสถานที่ ศูนย์รวมที่การคอย พบเห็นแล้วก็พรากจากจาก สมหวังรวมทั้งเศร้าเสียใจ สุขแล้วก็ทุกข์ ก็ราวกับชีวิตคนเราที่เกิดขึ้น ดำเนินไป รวมทั้งคอยวันดับสิ้น, แม้กระนั้นการมีชีวิตที่มัวแต่เผ้าคอยรอ อยู่เฉยๆลอยละล่อง

มันจะไปมีคุณประโยชน์อะไร สองเท้ามีให้ก้าวเดิน สองมือมีให้ปฏิบัติ รวมทั้งสมองมีไว้ให้ตรึกตรองครุ่นคิด พวกเราควรจะทำอะไรสักอย่างในชีวิตนะ ที่ไม่ใช่แค่การนั่งคอยความตายอยู่เฉยๆโน่นมันเรียกว่าเสียชาติกำเนิดแล้ว

ด้วยเหมือนกันกับความไม่ลงรอยกันระหว่างสองประเทศ หรือคนสองสามคน เพราะว่าการเลือกที่จะไม่เจอหน้า มัวแต่คอย ต่อสู้ลับหลังหรือเก็บมาคิดแต่ว่าฝ่ายเดียว

กรรมวิธีการแก้ไขปัญหานั้นแสนง่ายเป็นเบือนหน้าคุยกัน ทำความเข้าใจ ผ่อนผันเห็นด้วยคำแนะนำของทั้งสองฝ่าย แม้กระนั้นตามความเป็นจริงมันยากมากมายๆก็มองอย่าง Navorski กับ Dixon ที่ไม่มีผู้ใดยอมคนใดกัน 

ดูหนังชนโรง

ในบางเหตุการณ์คนกลาง (อย่าง Navorski ต่อ Enrique Cruz กับ Dolores Torres) ก็มีสาระ หรือบางครั้งบางคราวการจัดการปัญหาแบบ Gupta Rajan เป็นยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง มันบางทีอาจเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกสมควร แม้กระนั้นใช่ว่าจะใช้ได้ทุกกรณี

เรื่องราวของ Viktor Navorski ได้กลายเป็นตำนาน วีรบุรุษของเกือบทุกคนภายในท่าอากาศยาน (ละเว้น Dixon) เพราะเหตุว่าการที่เขามีเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ ทั้งยังกล้าลุกขึ้นยืนต่อสู้ ทรหดอดทนต่อการกดขี่กดขี่ รอวันเวลาเพื่อสิ่งที่จำเป็นได้ลุสมดังจิตใจ, มันบางทีอาจมิได้มีอะไรมากยิ่งกว่าเพียงแค่การปิ้งเท้าเดินออกนอกท่าอากาศยาน 

แม้กระนั้นทุกคนร่วมใจส่งเสียเชียร์เพื่อเป็นการให้กำลังใจ นี่เป็นการชื่นชมยินดีต่อบุคคลที่สามารถยนต์บรรลุ ประพฤติตามอุดมการณ์ความฝันความตั้งอกตั้งใจเสร็จได้ มีคนไม่เท่าไรนักที่ทำเป็น มันเลยเป็นความยิ่งใหญ่ที่เหมาะได้รับการชมเชยชื่นชมเหนือสิ่งอื่นใด

ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างจะถูกใจหนังเรื่องนี้นะมากเลยค่ะ ยกให้เปฌนหนังเรื่องโปรดของเราเรื่องหนึ่งเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *