สวัสดีค่ะและในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง The Shawshank Redemption (1994) เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ที่เล่าถึงสภาพแวดล้อมในด้านมืดของคุก ความไม่ซื่อตรงรวมทั้งการเอาตัวรอดในโลกที่โหดร้าย ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างลึกซึ้งกินใจ และได้แรงบันดาลใจมาจากปลายปากกาของนักเขียนแนวสยองขวัญและลึกลับชื่อดังอย่าง Stephen Kings เว็บดูหนัง
shawshank มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง โดยเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเขียนเป็นนิยายเล่มใหญ่หรือเรื่องยาว แต่เป็นเพียง 1 ใน Novella ของ Stephen King ที่ใช้ชื่อว่า “Rita Hayworth and Shawshank Redemption” เมื่อปี 1982
หนังเก่ายอดนิยม ที่อยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด Different Season ที่มีชื่อรองว่า Hope Springs Eternal ซึ่งเคยถูกนำมาตีพิมพ์เป็นเล่มเดี่ยว และนำมาพัฒนาบทเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Shawshank Redemption ในเวลาต่อมา
ชอว์แชงค์ มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง
รีวิวหนัง The Shawshank Redemption (1994) ผลงานกำกับโดย แฟรงก์ ดาราบอนต์
หนังเปิดตัวในเดือนกันยายน ปี 1994 ได้เสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ถล่มทลาย แต่รายได้กลับสวนทาง กลายเป็นผลงานที่ล้มเหลวในเรื่องบ็อกซ์ ออฟฟิศ แม้จะทำเงินถึง 58 ล้านเหรียญเมื่อดูจากปัจจุบันเทียบกับทุนสร้าง 25 ล้านเหรียญ แต่รายได้ส่วนหนึ่งคือรายได้จากต่างประเทศและการนำมาฉายซ้ำทั้งนั้น
ผู้กำกับ แฟรงก์ ดาราบอนต์ มีความประทับใจในนวนิยาย Rita Hayworth and Shawshank Redemption เป็นพิเศษ เขาใฝ่ฝันว่าสักวันนวนิยายเล่มนี้จะถูกแปรรูปจากนวนิยายมาเป็นหนัง
แต่ สตีเว่น คิง กลับไม่เห็นวี่แววว่านวนิยายเล่มนี้จะทำเป็นหนังได้สักนิด มันอาจจะเป็นได้แค่หนังสารคดีทุนต่ำเรื่องหนึ่ง แต่มันไม่ใช่หนังที่สามารถทำเงินทำทองได้เลย แต่แฟรงก์ ดาราบอนต์ ไม่คิดเช่นนั้น เขายืนกรานว่าจะทำหนังเรื่องนี้ให้กลายเป็นหนังที่ดีให้จงได้
ซึ่งสตีเว่น คิง ได้ยอมขายนวนิยายเล่มนี้ให้ในราคาแสนถูกเพียง 5,000 เหรียญ เพราะคิดว่าอย่างน้อยที่สุด เขาไม่น่าจะทำให้ผิดหวัง
แม้จะได้รับไฟเขียวจากผู้ประพันธ์ก็ตาม แต่แฟรงก์ ดาราบอนต์ ก็ใช้เวลาขลุกอยู่กับมันนานถึง 5 ปีในการปั้นเรื่องราวจากนวนิยายความยาว 96 หน้าให้กลายเป็นหนัง แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ และพยายามพัฒนาโปรเจกต์ในฝัน
เขาก็ใช้เวลาอันแสนเนิ่นนานนี้หางานทำในฮอลลีวูด จนกระทั่งได้เริ่มเขียนบทในหนังสยองขวัญอย่าง หนังรีเมคเรื่อง The Blob (1983), The Fly II (1989) และงานที่สร้างชื่ออย่างภาคต่อของหนังตระกูลเฟรดดี้ ครูเกอร์ A Nightmare on Elm Street 3: Dream Warriors (1987)
ต่อมามีบริษัททำหนังมืออาชีพอย่าง Castle Rock มาร่วมทำฝันให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แต่เพราะความที่แฟรงก์ ดาราบอนต์ ยังเป็นนักเขียนบทมือใหม่ บริษัท Castle Rock
จึงหวังดี ยื่นข้อเสนอไป ว่ามีผู้กำกับในสังกัดสนใจโปรเจกต์นี้ นั่นก็คือ ร็อบ ไรเนอร์ ผู้เคยดัดแปลงงานของสตีเว่น คิง เรื่อง The Body จนกลายมาเป็นหนัง Stand by Me และได้ยื่นข้อเสนอมูลค่า 3 ล้านเหรียญให้กับเขาเพื่อที่จะทำหนังเรื่องนี้เอง
แม้แรงกดดันมากมายจะทำให้บางครั้งเขาท้อ แต่เขาก็ยังคงยืนกรานว่าจะทำหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งเขาได้เคยพูดกับทุกคนว่า “คุณสามารถมองข้ามความฝันเพื่อแลกกับเงินจำนวนมหาศาล
แต่มันจะคุ้มไหมถ้าวันหนึ่งคุณตายไปโดยไม่ได้ทำมัน” แฟรงก์ ดาราบอนต์ ย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งความกดดันครั้งนั้น ว่าเขาไม่เคยกำกับหนังเลย มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาถืออยู่ในมือก็คือ
บทหนังอันยอดเยี่ยมในมือเล่มนั้น แต่ท้ายที่สุดความทุ่มเทและความดื้อรั้นของเขาก็ทำให้ Castle Rock ใจอ่อน สุดท้ายเขาก็ได้กำกับหนังเรื่องแรกสมใจด้วยค่าตัวเพียง 750,000 เหรียญ ในงบที่ถูกจำกัดจำเขี่ยเพียง 25,000,000 เหรียญ
ซึ่งสตีเฟ่น คิง ที่รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด ก็เข้าใจถึงความทะเยอทะยานและความดื้อรั้นของเขา สุดท้ายเขาก็นำเช็คเงินสดมูลค่า 5,000 เหรียญใบนั้นอัดกรอบอย่างดีและส่งคืนให้กับแฟรงก์ ดาราบอนต์ และเขียนจดหมายกลับไปหาเขา
เรื่องย่อ
shawshank redemption เรื่องย่อ ในปี 1947 เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา นายแอนดี้ ดูเฟรสน์ (ทิม ร็อบบินส์) ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าภรรยาและชู้รักของเธอ
และถูกลงโทษจำคุกที่เรือนจำชอว์แชงค์ เขาพบกับเพื่อนคนแรกเป็นผู้ต้องขังผิวสีท่าทางนิสัยดีเอลลิส เรด บอยด์ (มอร์แกน ฟรีแมน) เรดยังคอยลักลอบหาของต่างๆมาให้ผู้ต้องขังในคุกได้อีกในราคาที่เหมาะสม
แอนดี้ขอให้เรดจัดหาค้อนหินและโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของ ริต้า เฮ์เวิร์ธ ดาราสาวสวยในขณะที่เขาติดคุกอยู่นั้น แอนดี้ ที่ไม่มีพวกพ้อง ก็มักจะถูกทารุณจากนักโทษกลุ่มอื่นอยู่หลายครั้ง
ในปี 1949 แอนดี้ได้ยินผู้คุม ไบรอน แฮดเล่ย์ (แคลนซี่ บราวน์) บ่นเกี่ยวกับการถูกเรียกเก็บภาษีในมรดก แอนดี้จึงขอเสนอที่จะช่วยดูแลเรื่องหลีกเลี่ยงภาษีให้ โดยที่ผู้คุมแฮดเล่ย์ไม่ต้องเสียเงินซักดอลลาร์อย่างถูกกฎหมาย
หลังจากนั้นผู้คุมแฮ็ดลี่ย์ จึงคอยดูแลแอนดี้ไม่ให้ถูกทำร้ายจากนักโทษอื่นอีก ซึ่งพอ พัสดีวัลเดน นอร์ตัน (บ็อบ กันทอน) รู้เรื่องความสามารถในด้านการทำภาษีของเขา
จึงมอบหมายให้แอนดี้ไปทำงานประจำบังหน้าที่ห้องสมุดเรือนจำ แต่แท้จริงแล้วเพื่อให้แอนดี้ช่วยจัดการเรื่องการเงินให้กับตัวพัสดีเอง
และเจ้าหน้าที่เรือนจำคนอื่นๆที่ประสบปัญหาทางด้านภาษีการเงิน แอนดี้ถือโอกาสนี้เริ่มเขียนจดหมายถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐ เพื่อขอเงินทุนปรับปรุงพัฒนาห้องสมุดที่ทรุดโทรมของเรือนจำให้ดูดียิ่งขึ้น
รวมถึงช่วยเหลือผู้ต้องขังผู้สูงอายุอย่าง บรูกส์ ฮัทเลนด้วย (เจมส์ วิทมอร์) ให้พ้นโทษ หลังจากรับโทษมา 50 ปี แต่หลังจากที่บรูกส์ออกสู่โลกภายนอก เขาไม่สามารถปรับตัวเข้ากับโลกภายนอกได้ ซึ่งในที่สุดเขาก็แขวนคอตัวเองในห้องพัก
แอนดี้และเรดได้พบกับผู้ต้องขังใหม่อย่าง ทอมมี่ วิลเลียมส์ (กิล เบลโลวส์) ที่ถูกจองจำในข้อหาลักทรัพย์ในปี 2508 ซึ่งเค้ายังอายุน้อยอยู่ และต้องการใบรับรองเพื่อไปทำงานต่อได้หลังออกจากคุก ซึ่งแอนดี้ก็ช่วยติวให้เขาผ่านการสอบ GED ซึ่งเป็นกลุ่มของการทดสอบสี่วิชาที่ให้การรับรองว่า
ผู้ทำแบบทดสอบมีทักษะการศึกษาระดับมัธยมเป็นที่ยอมรับในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา อีกหนึ่งปีต่อมาทอมมี่เปิดเผยให้เรดและแอนดี้ฟังว่าเพื่อนร่วมห้องขังของเขาในเรือนจำอีกแห่งอ้างว่าเคยฆาตกรรมผู้หญิงกับชู้รักที่เมืองพอร์ตแลนด์
เมื่อรู้เรื่องแอนดี้จึงร้อนใจเข้าปรึกษาพัศดีนอร์ตันด้วยข้อมูลที่ได้ฟังมาและมีพยานอย่างทอมมี่ช่วยยืนยันจากเหตุการณ์คดีที่เค้าอาจไม่ได้ก่อขึ้น
แต่นอร์ตันกลับปฏิเสธที่จะช่วย ทำให้แอนดี้โกรธมากจึงขู่แบล็คเมล์เรื่องการฟอกเงินของเขา ทำให้สถานะการณ์ตรึงเครียด ต่อมาพัศดีนอร์ตันจึงสั่งขังเดี่ยวแอนดี้ เพราเขาไม่อยากให้แอนดี้ออกจากเรือนจำแห่งนี้เนื่องจากความสามารถในด้านการฟอกเงิน
เขาจึงสั่งแฮ็ดลี่ย์ฆ่าทอมมี่ และยัดเยียดข้อหาพยายามหลบหนีเพื่อปิดปากพยานเพียงคนเดียวที่จะช่วยคดีของแอนดี้ได้ ภายหลังแอนดี้ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกขังเดี่ยว เขาบอกกับเรดถึงความฝันที่จะไปอาศัยอยู่ที่เมืองซิฮัวตันเนโจ เมืองชายฝั่งทะเลเม็กซิกัน แอนดี้ยังบอกเขาถึงทุ่งหญ้าใกล้ๆกับเมืองบักซ์ตัน
โดยขอให้เรดไปที่นั้นทันทีที่เขาได้รับการปล่อยตัว เพื่อรับของบางอย่างที่แอนดี้ฝังไว้ เรดมองเค้าด้วยความกังวลเกี่ยวกับความเพ้อฝันในความไม่น่าจะเป็นจริงได้ของแอนดี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าแอนดี้ไปถามหาเชือกยาว 6 ฟุต กับเพื่อนนักโทษคนอื่นด้วย ซึ่งจริงๆแล้วเรดก็หาได้ แต่กลัวว่าแอนดี้จะนำไปฆ่าตัวตาย
ในวันรุ่งขึ้นห้องขังของแอนดี้ก็ว่างเปล่า พัศดีนอร์ตันโกรธมากจึงขว้างก้อนหินใส่โปสเตอร์ ราเคล เวลช์ที่ ที่แขวนอยู่บนผนังห้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งได้เผยให้เห็นอุโมงค์ที่แอนดี้ขุดด้วยค้อนหินของเขาในช่วง 19 ปีที่ผ่านมาซึ่งเมื่อคืนก่อนแอนดี้ใช้เชือกเพื่อหลบหนีผ่านอุโมงค์ท่อน้ำเสียภายในเรือนจำ
อีกทั้งยังนำชุดสูทรองเท้าของพัศดีนอร์ตันไปด้วย รวมถึงหลักฐานสำคัญอย่างบัญชีการฟอกเงินที่เกิดขึ้นในเรือนจำแห่งนี้ทั้งหมด
แอนดี้ส่งข้อมูลหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับการฟอกเงินและหลักฐานอื่นๆของการทุจริตเงินจากธนาคารหลายแห่ง
และการทารุณฆาตกรรมนักโทษที่เรือนจำชอว์แชงค์ให้กับแหล่งข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ตำรวจของรัฐมาถึงชอว์แชงค์เพื่อเข้าจับกุมตัวผู้คุมไบรอน แฮดเล่ย์ ซึ่งในขณะเดียวกัน ที่พัสดีวัลเดน นอร์ตันฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม
หลังจากจำคุกมา 40 ปี ในที่สุดเรดก็ถูกปล่อยตัว แต่ก็ยังถูกทัณฑ์บนอยู่ ทำให้ออกนอกประเทศไม่ได้ เขาดิ้นรนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับชีวิตนอกคุกและกลัวว่าเขาจะไม่สามารถทำได้เหมือนเพื่อนร่วมคุกอย่างบรูกส์ ฮัทเลนที่เคยประสบปัญหาเดียวกัน
แต่ก่อนที่เรดจะคิดสั้น เขาจำคำสัญญาที่มีต่อแอนดี้ได้ ว่าเขาจะไปที่เมืองบักซ์ตัน เมื่อไปที่นั้นเรดได้พบกับเงินและจดหมายขอให้มาที่เมืองซิฮัวตันเนโจเรด เขาได้ละเมิดทัณฑ์บน
และออกเดินทางไปยังฟอร์ตแฮนค็อกรัฐเท็กซัส เพื่อข้ามพรมแดนไปยังเม็กซิโก เขายอมรับว่าในที่สุดก็รู้สึกถึงความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ และเรดก็ได้พบกับแอนดี้บนชายหาดในเมืองซิฮัวตันเนโจอย่างที่คาดการณ์ไว้ the shawshank redemption สปอย
พล็อตเรื่อง
หนังจะเล่าถึงสภาพแวดล้อมในด้านมืดของคุก ความไม่ซื่อตรงรวมทั้งการเอาตัวรอดในโลกที่โหดร้าย ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างลึกซึ้งและกินใจ ต้องยอมรับว่าตัวผู้เขียนเองดูรอบแรกจบลงไปแล้วก็ยังไม่ถึงกับประทับใจในหนังเรื่องนี้มากเท่าที่ควร
แต่เมื่อได้เอาหนังเรื่องนี้กลับมาดูอีกครั้ง ก็เกิดประทับใจขึ้นมาในความที่หนังเล่าเรื่องชวนน่าติดตามมาก และแฝงไปด้วยแง่คิดอะไรหลายๆอย่าง รวมถึงความละมุน ความละเอียดอ่อนของบทภาพยนตร์ ที่แม้แต่คนดูผู้ชายก็อาจจะเสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ได้
ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้การันตีด้วยการเข้าชิงออสการ์ 7 สาขา รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงชายยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รางวัลสักสาขาติดมือ เพราะในปีเดียวกัน หนังอย่าง Forrest Gump ได้กวาดรางวัลไปแทบทั้งหมด
ถึงแม้หนังไม่ได้คว้ารางวัลใดๆ แต่ The Shawshank Redemption ก็เป็นหนังในดวงใจของผู้คนทั่วโลกรวมถึงคอหนังชาวไทยอีกมาก ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อที่หนังเจ๊งในวันที่ออกฉาย แต่กลับมาฮิตในตอนที่ออกมาเป็นวิดีโอ และถูกกล่าวถึงต่อเนื่องมานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง
เนื้อหาของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างดำเนินไปอย่างธรรมดามาก ความยาวของหนังประมาณ 150 นาที แต่กลับไม่มีความน่าเบื่อเลย อาจจะดูโหดร้ายและรุนแรงกับฉากภายในคุกที่ดูจริงมาก แต่หนังก็ยังให้ความหวัง และให้กำลังใจคนดู
โดยการนำพาตัวละครที่ไม่สิ้นหวังเป็นตัวเล่าเรื่อง ได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งหลายฉากในเรื่องก็กลายเป็นตำนานหรือซีนที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ ปรัชญาคำคมต่างๆ ก็ถูกนำมาเผยแพร่บนโลกโซเชี่ยลกันมากมาย ดูหนัง the shawshank redemption pantip
ด้านนักแสดงก็แทบจะเล่นได้สมบทบาทและถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเอาใจช่วยทุกคน ซึ่งนักแสดงอย่าง ทิม ร็อบบิ้นส์ มีส่วนสำคัญมาก เพราะถ้างานนี้ไม่ได้เขามาสวมบทบาทดูเฟรนย์ หนังคงกร่อยน่าดู ด้วยบทบาทนายธนาคารที่ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมภรรยาที่นอกใจตนเอง
จนทำให้ต้องติดคุกไปตลอดชีวิต มีบุคลิก มาดนิ่งๆ ขรึมๆ แต่แฝงไปด้วยความหวัง และ มอร์แกน ฟรีแมน ที่ได้รับบทบาทเป็น เรด ซึ่งเป็นอีกคนที่เป็นตัวชูโรงของเรื่องนี้ และด้วยบทบาทนี้ทำให้เป็นตัวละครที่คนดูต้องคอยเอาใจช่วยอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
นอกจากงานแสดง และคุณภาพของตัวหนังแล้ว การนำเสนอประเด็นทางสังคมก็สำคัญและคมคาย รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่เข้าถึงง่าย มีอารมณ์ความรู้สึกรื่นรมย์ และดูสนุก สิ่งหนึ่งที่ทำให้ The Shawshank Redemption กลายเป็นงานที่พาตัวเองผ่านยุคสมัยมาได้ก็คือ
การแสดงถึงมิตรภาพภายใต้ความยากเข็ญ และ ความหวัง ตลอดจนความหวานชื่นของความสำเร็จ ได้อย่างน่าประทับใจ และสามารถสัมผัสจับต้องได้ด้วยความรู้สึก
รีวิวหนัง The Shawshank Redemption (1994) บทสรุป
Shawshank Redemption สรุป เป็นหนังแหกคุกรุ่นบุกเบิกที่ได้กระแสตอบรับที่ดีจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมภาพยนตร์ รวมถึงเว็บไซต์รวบรวมบทวิจารณ์อย่าง รอตเทนโทเมโทส์ ก็ให้คะแนนเชิงบวก 90% จากนักวิจารณ์ 70 คน และมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 8.15/10
ซึ่งผลความคิดเห็นส่วนใหญ่ของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์บอกว่า The Shawshank Redemption เป็นหนังที่ได้ยกระดับภาพยนตร์เกี่ยวกับภายในเรือนจำที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ด้วยทิศทางการแสดงที่ดีและละเอียดอ่อน
ซึ่งหากใครที่ได้อ่าน Novella ด้วยนั้น จะยิ่งเห็นภาพและความชัดเจนของหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก The Shawshank Redemption เป็นหนังที่พยายามสื่อภาพ, มุมกล้อง, แสง และสัญลักษณ์อันเป็นจุดสำคัญ
ที่แสดงให้เห็นถึงความหวังและเสรีภาพอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเสียง Voice Over ของ Red ที่บรรยายถึงแอนดี้ ที่ดูแตกต่าง และดูเป็นคนที่มีความหวังและอิสรภาพมากที่สุด ถึงแม้เขาจะอยู่ในเรือนจำที่โอบล้อมด้วยกำแพงคุกที่สูงใหญ่ตลอดชีวิตนี้ก็ตาม
ความรู้สึกหลังรับชม
Shawshank Redemption วิเคราะห์ หลังจากที่ดูจบ เป็นหนังแหกคุกในดวงใจอีกเรื่องที่ต้องยกขึ้นหิ้งเลย การดำเนินเรื่องกับบทของเรื่องนั้นดีงามมากๆ หนังสนุกเหมาะสมราคาคุย ไม่ใช่หนังที่มีดีแค่แหกคุก แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะบอกว่า “นี่แหละโลกความเป็นจริง ซึ่งชีวิตจริงที่เป็นอยู่ มันก็เป็นแบบนี้”
จึงไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า The Shawshank Redemption มีคุณค่ามากมายเกินกว่าหนังเรื่องหนึ่งควรจะมี เพราะหนังเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ และกาลเวลาที่ค่อยๆพิสูจน์คุณค่าในตัวหนัง รวมไปถึงสัญลักษณ์ของการโหยหาอิสรภาพ ที่ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องการของมนุษย์
ทุกคนที่ต้องการความเสมอภาคและความเท่าเทียม การที่หนังได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลก จึงมีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเงินตราหรือตัวรางวัลที่จะมากำหนดคุณภาพของหนัง The Shawshank Redemption ข้อคิด
สุดท้ายแล้วก็อยากแนะนำให้ทุกคนที่ชอบหนังแนวนี้ได้มารับชม เพราะหนังนั้นดีจริงๆ ซึ่งทุกคนที่ได้รับชมจะไม่รู้สึกเสียดายเวลากับหนังเรื่องนี้เลย และอาจได้ข้อคิดหลายอย่างจากหนังเรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นความทรงดีๆที่จะได้บอกกล่าวต่อๆกันไป