รีวิวหนัง The Pale Blue Eye (เดอะ เพล บลู อาย) หนังสืบสวนอาชญากรรมและความมืดในใจมนุษย์

สวัสดีค่ะ ทุกคนและในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง The Pale Blue Eye (เดอะ เพล บลู อาย) เป็นภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องราวในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยมีพื้นที่เชิงประวัติศาสตร์และดนตรีคลาสสิกเป็นส่วนหนึ่งของมัน ภาพยนตร์นี้มีรายละเอียดที่เหมาะสมสำหรับผู้ชมที่รักความลึกลับและความระทึกขวัญที่สร้างความสนุกสนานในการสืบสวนอาชญากรรมและความมืดในใจมนุษย์ ใน เดอะ เพล บลู อาย นักกฎหมายผู้เกษียณท่ามกลางภาพยนตร์จะต้องรับมอบหมายในการสืบสวนคดีฆาตกรรมลึกลับที่เกิดขึ้นในเตรียมนอกที่มหาวิหารระดับสูงในรัฐนิวยอร์ก การสืบสวนนี้นำเข้าสามารถกับเพลงดนตรีคลาสสิกที่สร้างความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าค่ะ

The Pale Blue Eye เรื่องย่อ บอกเล่าเรื่องราวของเช้าตรู่อันเงียบสงบในฤดูหนาวที่เวสต์พอยต์ในปี 1830 พบนักเรียนนายร้อยเสียชีวิต แต่เมื่อศพของเขามาถึงห้องดับจิต โศกนาฏกรรมก็กลายเป็นเรื่องโหดร้าย เมื่อพบว่าหัวใจของนักเรียนถูกขุดออกมาโดยปรมาจารย์

ด้วยความกลัวความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ต่อสถาบันการทหารที่เพิ่งเริ่มต้น ผู้บริหารโรงเรียนจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากนักสืบในท้องถิ่น ออกัสตัส แลนเดา เพื่อช่วยไขปริศนาการฆาตกรรม แต่เขาก็ต้องหุบปากเพราะถูกต่อต้านจากนักศึกษาจนต้องขอความช่วยเหลือจากนักศึกษาแปลกหน้าเพื่อคลี่คลายคดี ใครเกลียดความเข้มงวดของโรงเรียนเตรียมทหารบ้าง น้ำก็หลงใหลในบทกวีเช่นกัน ชายหนุ่มชื่อเอ็ดการ์ อัลลัน โป

ในยุคแห่งภาพยนตร์แนวสืบสวนเพื่อไขปริศนาและตามหาฆาตกร กลายเป็นหนังฮิตที่ใครๆก็มักจะสร้าง แต่ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปและไขปริศนาได้อย่างลื่นไหล ซึ่งต้องใช้ความซับซ้อนและทักษะที่น่าดึงดูด “เดอะ เพล บลู อาย” ยึดตามสูตรนั้น เป็นเพียงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการติดตามผลอย่างค่อยเป็นค่อยไป

บทภาพยนตร์ที่กำกับและดัดแปลงโดยสก็อตต์ คูเปอร์จะต้องคุ้นเคยสำหรับทุกคนที่ชื่นชอบสไตล์ภาพยนตร์ของเขา จุดแข็งของเขาไม่รีบเร่งในการเขียนเรื่องราว แม้ว่าธีมของหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังแนวสืบสวนคดีฆาตกรรมที่มีไหวพริบ แต่หนังเลือกที่จะเล่าเรื่องทีละขั้นตอน รวบรวมเบาะแส ทีละน้อย พร้อมสำรวจพฤติกรรมทางร่างกายและจิตใจของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง

หนังใหม่แนะนำ ความซับซ้อนของตัวละครเป็นส่วนสำคัญของ เดอะ เพล บลู อาย ตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครของนักกฎหมายผู้เกษียณที่มีความมุ่งมั่นในการเปิดเผยความจริงและตามล่าความมืดในใจมนุษย์ และสองนักเรียนหน้าใหม่ที่ถูกใช้ในการสืบสวนและมีความรักแรกที่มาพร้อมกับความลึกลับ

หากผู้ชมชมภาพยนตร์แนวสืบสวนด้วยจังหวะที่สนุกสนานและบันเทิงใจ นั่นไม่ใช่ประเด็นของหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นหนังล่าฆาตกรที่กำลังดำเนินไปด้วยดี อาจจะไม่ใช่หนังที่มีจังหวะช้าหรืออะไรก็ตาม แต่ระหว่างทางให้คนดูได้รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของตัวละครทีละนิด ประเด็นของหนัง ค่อนข้างชัดเจนและน่าสนใจแต่การเล่าเรื่องอาจจะไม่สื่อถึงคนดูได้มากที่สุด

เลือกกวีในตำนานในชีวิตจริงอย่าง Edgar Allan Poe เป็นหนึ่งในตัวละครในเรื่อง มันเป็นกลไกที่สนุกจริงๆ เพราะเขาเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเมื่อบทบาทนี้ตกไปอยู่ในมือของลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของแฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่าง “แฮร์รี เมลลิง” ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก็เป็นอีกความท้าทายในอาชีพการแสดงของเขา

ความสามารถของแฮร์รี่ เมลลิงในการออกแบบตัวละครและเลียนแบบเอ็ดการ์ อัลลัน โพนั้นน่าประทับใจมาก ภาษากายภายในของเขาชัดเจนแล้ว บวกกับหัวใจการแสดงที่เขาออกแบบในหนังเรื่องนี้ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ตัวละครมีมิติพิเศษมากขึ้น แม้ว่าบทบาทนี้จะเป็นเพียงตัวประกอบในภาพยนตร์ก็ตาม แต่ก็ดีพอๆกับพระเอกเลย ดูหนัง4k

และ “คริสเตียน เบล” ยังคงแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามมาตรฐานการแสดงของเขา แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าตัวละครที่เขาเล่นนั้นคล้ายกับผลงานก่อนหน้านี้มากก็ตาม แต่การสวมชุดตำรวจนักสืบที่เต็มไปด้วยบาดแผลนั้นกลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ปลดปล่อยประสิทธิภาพที่เรียบง่ายให้ดูทรงพลังได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เมื่อบทนี้มาถึงมือของเขา

และนี่ภาพยนตร์สืบสวนของผู้กำกับสก็อตต์ คูเปอร์สร้างจากนวนิยายเก่าปี 2003 ของหลุยส์ เบยาร์ด ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นของผลงานนักสืบอิงประวัติศาสตร์ของเขา แต่บ้านเราไม่ค่อยดังเพราะไม่มีแปลไทยและผู้กำกับก็ไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่การมีดาราดังอย่างคริสเตียน เบลอยู่ด้วย ย่อมทำให้หนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน ว่ากันว่าบทส่วนใหญ่ไม่ค่อยดีนัก) อ่านแล้วก็เข้าใจว่าทำไม เพราะมันเป็นหนังที่ไม่จำเป็นต้องทำได้ดีเสมอไป แต่บทบาทของนักสืบแลนโด้ที่ลงเอยด้วยการรับบทเป็นตัวเอกถือเป็นหนึ่งในบทบาทที่น่าประทับใจที่สุดในผลงานของเขา

ซึ่งหนัง เดอะ เพล บลู อาย มีความมืดและความลึกลับ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ การเคลื่อนไหวของโลกในช่วงศตวรรษที่ 19 ที่ถูกสร้างขึ้นในภาพยนตร์เป็นพื้นที่สำคัญที่สร้างความระทึกขวัญและความกลัว การสืบสวนคดีฆาตกรรมนี้จะนำเราสู่การเปิดเผยความซับซ้อนของความมืดที่อาจถูกปกปิดอยู่ในใจมนุษย์แต่ละคน

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงนำอีกมากมายที่ร่วมมีส่วนร่วมในการเล่าเรื่องดีๆได้แก่ Simon McBurney, Timothy Spall และ Toby Jones ผู้ซึ่งถ่ายทอดตัวละครแต่ละตัวในภาพยนตร์อย่างมีไหวพริบ ถึงแม้จะเป็นเพียงบทบาทประชาสัมพันธ์แต่ก็ช่วยเสริมพลังให้กับหนังเรื่องนี้ได้ ด้วยเนื้อหาของหนังก็ค่อยๆปลดล็อคทีละเรื่อง

องค์ประกอบต่างๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศลึกลับ ความลึกลับ หรือแนวคิดเชิงศิลปะ รายละเอียดเบื้องหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ในศตวรรษที่ 19 ก็น่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์ของ Howard Shore อีกด้วย ซึ่งค่อนข้างทรงพลังและสอดคล้องกับจังหวะลึกลับของหนังเรื่องนี้

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังผสมผสานองค์ประกอบทางประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ชมได้มองเห็นภาพรวมของอเมริกาในศตวรรษที่ 19 ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจสภาพแวดล้อมทางทหารที่เข้มงวดของเวสต์พอยต์ พลวัตทางสังคมในยุคนั้น และการต่อสู้ดิ้นรนที่นักเรียนนายร้อยมือใหม่ต้องเผชิญ ฉากหลังทางประวัติศาสตร์นี้ช่วยเพิ่มความตึงเครียดและเพิ่มชั้นของความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องราว ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ภาพยนตร์จึงเก็บบรรยากาศของยุคนั้น ทำให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับโลกแห่ง “The Pale” ตาสีฟ้า” จากความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมของเวสต์พอยต์ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่มืดมนและลึกลับ ภาพชวนให้นึกถึงการวางอุบายและความไม่สบายใจ เพิ่มช่วงเวลาที่น่าสงสัยของภาพยนตร์ให้มากขึ้น

เป็นภาพยนตร์ที่ผสานความซับซ้อนของความตื่นตาตื่นใจและความมืดในใจมนุษย์อย่างลงตัว การสืบสวนอาชญากรรมในช่วงศตวรรษที่ 19 ในรัฐนิวยอร์กและความระทึกขวัญที่สร้างขึ้นในรายการนี้จะทำให้คุณต้องคาดหวังอย่างมากในการรับชมและสนุกสนานกับการตามล่าความมืดที่สืบสวนใน “เดอะ เพล บลู อาย” รอต้อนรับความลึกลับและความระทึกขวัญในโลกของภาพยนตร์นี้และให้ความสนุกสนานและคิดเกี่ยวกับความมนุษย์อย่างใจเต็มในการสืบสวนคดีที่น่าลึกลับนี้

ผู้เขียนชอบวิธีที่ตัวหนังเอาเกร็ดประวัติขนาดเล็ก ๆ จากชีวิตของ Ed Gunn Allen Poe มาร้อยเรียงเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวและเป็น Easter Egg ที่น่าสนใจสำหรับคนที่รู้เกร็ดพวกนี้ ถ้ารู้จักก็จะประทับใจไปตลอด นอกจากนี้ตามประวัติจริง โพก็เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์เมื่ออายุ 21 ปี 

(แต่ไม่เรียนจบก็ถูกไล่ออก) และชีวิตของเขามักเกี่ยวข้องกับความตายหรือเป็นหนอนหนังสือและเป็นนักกวีด้วย ที่เฉพาะ Harry Melling, นักแสดงหนุ่มที่มีแขนงหน้าคล้ายกับโพ และมีการแสดงที่พูดเยอะพลางโบกไม้โบกมือในบทบาทนี้ ทำให้เขาดำเนินการแสดงเป็นที่เรียบร้อยกับตัวละคร Harry Melling เล่นบทคาแรกเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์

เนื้อหาข้อความนี้อธิบายถึงว่าการรวมคำอธิบายเกี่ยวกับจังหวะการเดินของเรื่องเข้ากับบรรยากาศของเรื่องเพื่อเพิ่มความสยองขวัญและเข้ามาทำให้ผู้ชมรู้สึกตะหงิด ๆ ร่วมกับการเปิดเผยภาพศพและบาดแผลที่เลือกใช้ภาพที่เพื่อรูปแบบเรต R โดยไม่เหมาะสำหรับเด็ก และการสร้างความรู้สึกของการอำนาจนิยมภายในโรงเรียนเตรียมทหาร 

รวมถึงความโหดร้ายและฆาตกรรมที่เชื่องสร้างความสยองขวัญและไม่น่านั่งดูต่อไปกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ ในครึ่งแรกของหนังมีการสร้างบรรยากาศในการสืบสวนอย่างเยือกเย็นและคลี่คลายไปสู่บรรยากาศของหนังทริลเลอร์ที่มีความซับซ้อนและระหว่างการคาดเดาที่กระตุกกระติก

หัวข้อหลักของข้อความนี้คือการแสดงของเขาใน 30 นาทีสุดท้ายที่มีความรุนแรงและดุเดือดอย่างเหลือเชื่อ คำว่า “การหักศอก” ในที่นี้หมายถึงการแสดงที่มีความพลิกแพลง และยกเค้าที่เป็นที่คาดหวัง เนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องราวของคนฆาตกรซึ่งมีความคาดหวังและความเกลียดชังต่ออำนาจของระบบทหาร 

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ส่งผลให้เกิดกระแสของความระแวงในการฆ่า พร้อมกับคำปูกรอบที่บ่งบอกถึงตำแหน่งที่ฆาตกรเกิดมาจากอะไรและเป็นสิ่งที่ท้าทายใจอย่างที่สุด หนังดังกล่าวยังเขียนถึงเหตุผลที่จูงใจในการฆ่าอีกด้วย ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญและเป็นที่ต้องการในการร้องเพลงอย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายคลานจิตใจไปกับจำนวนน้ำตาที่เปล่าปกคลุมได้อย่างง่ายดาย

ภาพยนตร์ฮิตเรื่องแรกของ Christian Bale ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำได้น่าพึงพอใจ แม้ว่าเนื้อเรื่องจะยืดเยื้อจนน่าเบื่อก็ตาม แม้ว่าเรื่องจะมีจุดเด่นที่ตอนจบมากจริงๆ แต่ระหว่างทางในเรื่องมักเงียบและอึดอัดเพียงพอที่จะพาผู้ชมเข้าสู่เนื้อเรื่อง แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องมีเรื่องราวเพิ่มเติมที่มีความสัมพันธ์ของพระเอกกับนักเรียนนายร้อยที่พามาช่วยสืบคดี เนื่องจากบุคลิกของเขาไม่แรงและตัวละครดูน่ารำคาญ เพียงพอที่บทสนทนาส่วนใหญ่ของเขาอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับแนวเรื่อง 

แม้ว่าช่วงแรกของเรื่องจะน่าติดตามด้วยคดีที่ดูโหดกับการควักหัวใจหายไป แต่กลางเรื่องไปตัวเรื่องไม่ค่อยมีความคืบหน้าเนื่องจากมันยังคงฉาบซ้อนไปกับการสืบคดีและบทพูดเพ้อพึ่งที่ไม่ตรงความคิดกับชีวิตของตัวละคร จนกระทั่งตอนจบเข้าใจได้ว่าตัวละครนี้มีความสำคัญกับเรื่องราวทั้งหมด 

แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่าให้กระชับมากกว่านี้เนื่องจากระยะเวลาภาพยนตร์ยาวถึง 2 ชั่วโมงเกือบครึ่ง หนังเป็นสื่อที่สะท้อนปัญหาของกฎระเบียบและความเชื่อศาสนาที่กดขวางการฝึกฝนของบุคคล ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสะสมในสังคม ในที่สุดเกิดการระเบิดและเกิดโศกนาฎกรรม

 เรื่องราวนำเสนอตัวละครนักสืบแลนดอร์คเป็นตัวที่ไม่เคารพศาสนาและไม่ได้สนใจเรื่องการกดขี่ในโรงเรียน หนังนี้นำเสนอประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในตอนจบ อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจต้องอดทนความน่าเบื่อในช่วงส่วนของการสืบสวนที่ยืดหยุ่นระหว่างเรื่อง

หากเพื่อนๆคนไหนที่รับชมภาพยนตร์เรื่องนี่ก็จะเป็นประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่น่าตื่นเต้น เพราะในเนื้อหาของหนังยัง ผสมผสานองค์ประกอบของความลึกลับ ประวัติศาสตร์ และการวางอุบายทางจิตวิทยา ด้วยโครงเรื่องที่น่าดึงดูด ตัวละครที่น่าดึงดูด และทีมงานสร้างสรรค์ที่มีความสามารถเบื้องหลัง 

ภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับผู้ชม ดังนั้น ทำเครื่องหมายปฏิทินของคุณและเตรียมพร้อมที่จะเริ่มต้นการเดินทางอันน่าจดจำในอดีตเมื่อคุณได้รับชมค่ะ 

สุดท้ายเรามีรีวิวหนังที่อยากจะมาแนะนำเพื่อนๆทุกคน นั่นก็คือเรื่อง Project Wolf Hunting เรื่องราวการส่งตัวนักโทษข้ามแดนจากประเทศฟิลิปินส์มายังประเทศเกาหลีใต้ แต่การส่งตัวครั้งนี้ถูกขัดขวางด้วยระเบิดบลีชีพในสนามบิน ทำให้ทางรัฐบาลเกาหลีตัดสินใจเคลื่อนย้ายนักโทษด้วยเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ ติดตามอ่านได้ที่นี่เลย