รีวิวหนัง Mission Impossible – Dead Reckoning Part One มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง ในภาพยนตร์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นลำดับที่ 7 ของภาพยนตร์แฟรนไชส์ Mission: Impossible นักแสดงหลักคือ Ethan Hunt (ทำนองเดียวกับ Tom Cruise) และทีม IMF (Impossible Mission Force)
ของเขา ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างอย่างไม่ธรรมดาคือ “Entity” ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มันกำลังวางแผนที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายทั่วโลก ทำให้ Ethan และทีมของเขาต้องหาทางหยุดยั้ง Entity เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่มนุษย์ทั้งโลก
เนื้อเรื่องในครั้งนี้อาจจะมีการวางแผนยุติมนุษย์ทั้งภายในและภายนอกในสิ่งที่ Entity ต้องการ อาจมีเหตุการณ์ที่ยากลำบากและต้องควบคุมสถานการณ์ให้เป็นที่เหมาะสมเพื่อสำเร็จภารกิจให้ได้
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบทประกอบในภาพยนตร์แบบแฟรนไชส์ยักษ์นี้จะเป็นแง่ที่น่าสนใจและนำมาใช้ในการสร้างความตื่นเต้นและสะเทือนใจในการดูภาพยนตร์กันค่ะ ช่องทางการรับชม ดูหนังVip
ภาคต่อที่ดีงามสมการรอคอย ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
รีวิวหนัง Mission Impossible อีธาน ฮันต์ ปะทะ ปัญญาประดิษฐ์
เรื่องราวในภาคนี้ของภาพยนตร์ Mission : Impossible เรื่องย่อ เส้นทางครั้งใหม่เริ่มต้นเมื่ออีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ – Tom Cruise) นักสืบระดับสูงของ IMF ได้รับภารกิจใหม่ที่ท้าทาย
นั่นคือการตามล่ากุญแจรูปกางเขนที่แยกออกเป็น 2 ชิ้นส่วน และเมื่อประกอบกันก็จะสามารถเปิดเผยความลับของอาวุธปริศนาที่เรียกว่า “เอนทิตี” (Entity) ที่มีพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบดิจิทัลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทั้งโลก และสามารถก่อวินาศกรรมระบบดิจิทัลเมื่อแทรกซึมเข้าสู่ระบบเครือข่ายได้อย่างแนบเนียน
น่าสนใจที่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า “เอนทิตี” มีลักษณะเป็นอย่างไร ใครเป็นคนสร้างมัน และที่ตั้งอยู่ของมันอยู่ที่ไหนในโลก
เกิดความหวั่นวิตกที่ระดับนานาชาติเมื่อ แกเบรียล (อีไซ โมราเลส – Esai Morales) อดีตสมาชิก IMF ที่ต้องการควบคุม “เอนทิตี” และกูราและข้ามา คือ ปารีส (ปอม เคลม็องตีแยฟ – Pom Klementieff) นักสังหารสาว และแม่ม่ายขาว (วาเนสซา เคอร์บี – Vanessa Kirby)
ผู้มีต้นกำเนิดเกี่ยวข้องกับ “เอนทิตี” ก็อยากได้ครอบครองกุญแจนี้เช่นกัน ฮันต์จึงต้องออกตามหา อิลซา ฟาวสต์ (รีเบ็คกา เฟอร์กูสัน – Rebecca Ferguson) พันธมิตรเก่าและยังได้พบกับ ยูจีน คิตทริดจ์ (เฮนรี เซอร์นีย์ – Henry Czerny)
อดีตหัวหน้า IMF คู่ปรับเก่า และ เกรซ (เฮย์ลีย์ แอตเวลล์ – Hayley Atwell) สาวนักล้วงกระเป๋าปริศนา ฮันต์จึงต้องรวมพลเพื่อนเก่าและผู้ช่วยภารกิจอย่าง ลูเธอร์ สติกเคลล์ (วิง เรมส์ – Ving Rhames) และ เบนจี ดันน์ (ไซมอน เพ็กก์ – Simon Pegg)
เพื่อตามหากุญแจและคาดคั้นปริศนาเกี่ยวกับ “เอนทิตี” ในขณะที่มีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน
เนื้อเรื่องของภาคนี้เส้นทางต้องตามหากุญแจและแก้ปริศนาให้ได้ทำให้ภาพยนตร์แสดงความตื่นเต้นและดราม่าในการตามล่าความลับของ “เอนทิตี”
ซึ่งเป็นอาวุธที่อาจก่อความหายนะสู่มนุษย์ทั้งโลก ความลับและความร่วมมือของตัวละครในภาคนี้อาจนำไปสู่ชะตากรรมของโลก ทั้งนี้ หากเกิดความสำเร็จในการแก้ปริศนาและหยุดยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ก็ย่อมทำให้ภาคนี้มีความสมดุลและน
ความน่าสนใจของภาพยนตร์
หนังใหม่แนะนำ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ต้องเกริ่นนำอะไรกันมากมาย เพราะนี่คือผลงานฟอร์มยักษ์ที่แฟนๆ ทั่วโลกรอคอยกันมานานหลายปี ซึ่งส่วนตัวผมนั้นรู้สึกแอบผิดหวังเล็กๆ
อาจเป็นเพราะคาดหวังมากเกินไป เนื่องจากคะแนนที่ออกมานั้นสูงมากเลยเดินเข้าโรงไปด้วยความหวัง แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนัก เพราะภาพรวมยังคงคุณภาพเดิมและดีงามเหมือนเคย เริ่มที่เรื่องของบทกันก่อน ส่วนของบทนั้นถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี
มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เข้าใจยากจนงง เนื่องจากหนังอธิบายค่อนข้างละเอียด ดังนั้น ทุกคนสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน
และบอกก่อนเลยว่าคนที่ดูภาคเก่าๆ มาไม่ครบก็สามารถดูและเข้าใจได้ เพราะในภาคนี้จะเป็นภารกิจใหม่ทั้งหมดไม่ได้ต่อมาจากภาคที่แล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องแอบดูยืดๆ เกินจำเป็นไปบ้าง มีหลายจังหวะที่แอบเบื่อชวนง่วงอยู่เหมือนกัน
แม้ว่าจะบอกว่าบทดูยืดในหลายส่วน แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะตัวหนังเขาตัดสลับฉากแอ็กชันมาแก้เบื่อให้เราตลอดทั้งเรื่อง
ใส่ฉากแอ็กชันมาค่อนข้างเยอะและอิ่มเอมพอสมควร ผมติดแค่คิวบู๊ที่รู้สึกว่าดูธรรมดาไปหน่อย แต่ไม่ได้ถึงกับแย่นะค่ะ อาจเป็นเพราะเพิ่งดู John Wick: Chapter 4 มาเมื่อต้นปีเลยแอบคาดหวังฉากสตันต์ที่ว้าวและตื่นตาตื่นใจกว่านี้
และแน่นอนว่าก็มีหลายฉากเหมือนกันที่ผมชอบ เช่น ฉากไล่ล่าบนถนนที่กรุงโรมช่วงต้นเรื่อง และฉากท้ายเรื่องบนรถไฟ ยกให้เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในภาคนี้แล้ว
ทว่าต้องบอกก่อนว่าที่ผมเฉยๆ กับฉากแอ็กชันอาจเป็นเพราะส่วนตัวผมไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของแฟรนไชส์นี้ขนาดนั้นอยู่แล้ว คืองานแอ็กชันเขาก็ยังมาตรฐานเดิมของแฟรนไชส์ ซึ่งใครที่เป็นแฟนของแฟรนไชส์นี้น่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน
รายชื่อนักแสดง
ทอม ครูซ
วิง เรมส์
ไซม่อน เพ็กก์
รีเบ็กกา เฟอร์กูสัน
วาเนสซา เคอร์บี้
เฮลีย์ แอ็ทเวลล์
เชีย วิกแฮม
พอม เคลเมนทีฟ
อีไซ โมราเลส
เฮนรี่ เซมี
ร็อบ เดลานี
แครี่ เอลเวส
อินทิรา วาร์มา
มาร์ค แกทิส
ชาร์ล พาร์เนลล์
เกร็ก ทาร์ซาน เดวิส
เฟรเดอริค ชมิดท์
หากใครเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์แฟรนไชส์ Mission: Impossible พากย์ไทย น่าจะทราบกันดีว่าแทบจะไม่มีภาคไหนเลยที่จะไม่สนุก เนื้อเรื่องแนวสายลับปฎิบัติภารกิจยากๆ
แต่ตัวเอกก็เก่งและผ่านมาได้อย่างหล่อๆ เป็นเนื้อเรื่องที่คลาสสิกสุดๆ แม้ว่าคนดูจะเดาได้ แต่รายละเอียดว่าเป็นภารกิจอะไร ใช้วิธีไหนในการทำภารกิจให้สำเร็จ ต่อสู้กับอุปสรรคอย่างไร และผ่านภารกิจมาได้ในรูปแบบใดเป็นเนื้อเรื่องที่แต่ละภาคมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน
เช่นเดียวกับ Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) ที่เล่าถึงเรื่องราวที่อัปเดตในปี 2023 สุดๆ กับการอาชญากรในคราบ AI มนุษย์กำลังต่อสู้กับ AI ที่สามารถคิดเอง
ตัดสินใจและลงมือทำด้วยตัวเองผ่านเครือข่ายดิจิตอลทั่วโลก สามารถฆ่าคนได้อย่างไม่มีทางสู้ แต่กระนั้นยังมีกุญแจที่แยกออกเป็นสองชิ้นที่สามารถปลดล็อกกานทำงานของ AI ที่มนุษย์สามารถเข้ายึดครองควบคุมได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่มีผู้ครอบครองกุญแจที่ประกอบเป็นสองชิ้นได้อย่างสมบูรณ์ บุคคลนั้นคือผู้ที่ครองโลก
ภารกิจของอีธาน ฮันท์ ในภาคนี้ คือการตามหาชิ้นส่วนทั้งสองชิ้นของกุญแจนี้ให้กับรัฐบาลอเมริกันผ่านโปรเจกต์ลับ IMF (Impossible mission force) โดยที่ทางรัฐบาลจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากเกิดการสูญเสียชีวิตของลูกทีม และภารกิจถือเป็นความลับสูงสุด
จุดที่น่าสังเกตของ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล
ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะเป็นข้อเสียของหนังแฟรนไชส์ที่โครงเรื่องและเนื้อเรื่องจริงๆ ไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนมากนักเพราะเน้นขายไลน์แอ็กชั่น
ฉากเน้นอารมณ์เศร้าซึ้งเลยทำได้ไม่เต็มที่ ไปได้ไม่สุด ไม่สามารถเรียกน้ำตาได้หรืออะไรใดๆ นอกจากนี้อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าไอเดียของหนังที่ตัวร้ายของเรื่องเป็น AI ที่มนุษย์ยาก
ที่จะต่อกรด้วยสุดๆ แต่กลับมีจุดอ่อนใหญ่มากที่กุญแจเพียงดอกเดียวสามารถปลดล็อกการควบคุมทั้งหมดได้ ก็ดูจะน่าเหลือเชื่อไปสักหน่อย
รวมถึงการปูเรื่องในบางช่วงที่อาจจะแอบน่าเบื่อและลากยาวเกินไปจนทำให้แอบเบื่อไปบ้าง แต่เมื่อฉากแอ็กชั่นกลับมาก็ทำให้ตาตื่นได้และดูจนจบได้ด้วยหัวใจเต้นแรงเหมือนเดิม
ถ้าคุณเป็นแฟนหนังแอ็กชั่น เป็นแฟนหนัง Mission: Impossible เพลงประกอบ ที่แค่ได้ยินเสียงอินโทรเพลงประกอบหนังก็ตื่นเต้น หรืออาจจะเป็นแฟนหนังของ ทอม ครูซ
คิดว่ายังไงเรื่องนี้ก็ห้ามพลาด แถมเนื้อเรื่องยังมียาวต่ออีกภาค เชื่อว่าภาคต่อไปก็น่าจะเข้มข้นไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
รีวิวหนัง Mission Impossible บทสรุปเรื่องราว
ส่วนต่อมาคือด้านการแสดงทุกคนแสดงได้ดีกันหมด เคมีระหว่าง Tom Cruise และ Hayley Atwell ก็ออกมาดีเกินคาดมากๆ ทั้ง 2 คนนี้เอาหนังอยู่ทั้งเรื่องจริงๆ นอกจากนี้ตัวสมทบในเรื่องก็ดีทุกคน ทั้ง Simon Pegg, Ving Rhames, Rebecca Ferguson, Vanessa Kirby
ไปจนถึงวายร้ายประจำภาคอย่าง Esai Morales ในบท Gabriel ก็แสดงได้ดีทัดเทียมกับ Tom และนักแสดงใหม่อย่าง Pom Klementieff ในบท Paris ก็ทำได้ดีเช่นกัน อาจไม่ได้โผล่มาเยอะมากแต่ก็โดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้ชมได้เป็นอย่างดี
ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและโปรดักชั่น ส่วนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะดีงามจริงๆ งานโปรดักชั่นอลังการเล่นใหญ่จัดเต็มแบบไม่มีกัํก
อาจมีติดแค่มุมกล้องในบางฉากที่ผมมองว่าดูแปลกๆ ไปเสียหน่อย สรุปโดยรวมเลยคือภาคนี้ยังคงดีงามสนุกคุ้มค่าตั๋ว เป็นระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงที่อิ่มเอมมาก ใครที่ชอบหนังแอ็คชั่นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
จากมุมมองของคนที่เคยดู Mission: Impossible ทุกภาค ภาคนี้ไม่ขี้เหร่ ถือส่าสนุกดูได้เพลินๆ อาจจะไม่ถึงขั้นว่าเป็นภาคที่ดีที่สุด แต่ก็สนุกและน่าติดตามจนจบ ไม่เสียดายเวลาและไม่เสียชื่อความเป็น Mission: Impossible แน่นอน เราให้คะแนนโดยรวมอยู่ที่ 8/10
ถ้าไม่ติดที่ฉากพูดคุยบางฉากแอบง่วงไปหน่อย หรือโครงเรื่องอาจจะอ่อนไปนิด นอกนั้นถือว่าดีงามดูสนุก ฉากแอ็กชั่นจัดเต็ม และทอม ครูซ ยังคงรักษามาตรฐานเจ้าพ่อหนังแอ็กชั่นหน้าหล่อได้เหมือนเดิม
ความรู้สึกหลังรับชม
Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One full movie คือภาพยนตร์ที่คุณคาดหวังกับมันมากขนาดไหน คุณจะได้สิ่งนั้นในแบบทบไปอีก นี่คือหนังแอคชั่นแห่งปีที่จะเข้าอยู่ในใจผู้ชมแน่นอน และพิสูจน์ได้อีกครั้งว่าชื่อของ
Tom Cruise ยุคนี้มันเชื่อขนมกินได้จริงๆ ว่าถ้ามีงานของเขาเมื่อไหร่ มันจะเป็นทั้งหนังที่สนุก มีคลาส และเราจะหลงรักมันอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เพราะหนังของเขาคือหนึ่งในคำตอบที่ว่าทำไมเราจึงยังควรเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์อยู่ค่ะ
สุดท้ายแล้ว คงไม่ต้องนั่งสงสัยแล้วล่ะค่ะ ว่าทำไม ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ ถึงได้คะแนนจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้สูงปรี๊ดขนาดนี้ เพราะถ้าไม่นับความซับซ้อนของภัยร้ายที่ยิ่งใหญ่และเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ
การวิเคราะห์บทสนทนาเกมแย่งชิงอำนาจและการเมือง รากเหง้า ปมเก่า ภัยจากโลกยุคแอนะล็อก มิตรภาพ การสูญเสีย ความไว้วางใจที่ไม่น่าไว้วางใจ ปริศนาที่ยังคงไร้ทางแก้ ทั้งหมดนี้ขมวดรวมกลายเป็นภารกิจที่น่าจะเป็นไปไม่ได้มากที่สุดของ อีธาน ฮันต์ ในบรรดาทุกภาคแล้วล่ะ
และเราก็อยากจะขอฝากบทความ รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา เชิญติดตามรับชมรับอ่านได้เลยค่ะ