และในวันนี้มาพบกับรีวิว แนะนำหนังใหม่ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่คนทั้งโลกต่างรอคอย Fast & Furious X เร็วแรงทะลุนรก 10 หนังแอคชั่นที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับบทสุดท้ายของหนึ่งในแฟรนไชส์ระดับโลกที่ได้รับความนิยมและเป็นตำนานเล่าขาน ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ยิ่งใหญ่สมการรอคอย
ภาพยนตร์แฟรนไชส์ของ Fast & Furious ยังคงนำเสนอสู่การต่อสู้ที่สดใหม่อยู่เสมอ มากพร้อมด้วยดาราบู๊แอ็คชั่นอย่าง บรี ลาร์สัน และ เจสัน โมโมอา และด้วยการแสดงของ โมโมอา ที่ผู้ชมและนักวิจารณ์ยกให้อยู่ใน “ระดับเทพ” ที่ได้นำความเจิดจรัสของตัวเองมาสู่มรดกของ Fast & Furious ช่องทางการรับชม ดูหนังออนไลน์
Fast & Furious X เร็วแรงทะลุนรก 10
รีวิวหนัง Fast & Furious X เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวหลังจากภารกิจมากมายและการฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ดอม ทอเร็ตโต้ และครอบครัวของเขา
ก็สามารถเฉือนคม ชนะสงครามประสาทและแซงหน้าศัตรูทุกคนที่อยู่บนเส้นทางของพวกเขาได้ บัดนี้ พวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับคู่ปรับที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมา
ภัยคุกคามน่าสะพรึงกลัวจากเงาอดีต ที่ถูกเผาผลาญด้วยหนี้เลือด ผู้มุ่งมั่นจะพังครอบครัวนี้ให้แตกเป็นเสี่ยงและทำลายทุกสิ่ง และทุกคนที่ดอมรัก ไปตลอดกาล
เพราะว่า “จัสติน ลิน” ประกาศอนตัวจากการเป็นผู้กำกับไปจากกะทันหัน เพื่อแค่ไม่กี่อึดใจก่อนที่หนังจะเริ่มถ่ายทำ ให้ภาคนี้ได้ส่งไม้ต่อให้กับ “หลุยส์ เลเทอร์เรียร์”
ที่เคยผ่านงานปัง ๆ อย่าง Now You See Me ทั้ง 2 ภาค และหนังตระกูล Clash of the Titans ถึงแม้ว่าจะเป็นจับมือต่อแบบปุบปับไม่น้อย
แต่เขาก็สามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม หรืออาจจะเรียกได้ว่า “แฟมิลี่” ของหนังตระกูลฟาสต์ได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน
ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนอยากจะมาแนะนำ รีวิวหนัง The Little Mermaid ที่กำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนต์ในตอนนี้พร้อมๆกันค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Fast X เร็ว…แรงทะลุนรก 10
ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / อาชญากรรม
ผู้กำกับ: หลุยส์ เลเทอร์เรียร์
นำแสดงโดย: วิน ดีเซล, มิเชล รอดริเกซ, เจสัน โมโมอา
ความยาว: 141 นาที
กำหนดฉายในไทย: 17 พฤษภาคม 2023 (ในโรงภาพยนตร์)
ทีมนักแสดงนำ Fast & Furious X
ก่อนหน้าที่หนังจะเข้าฉาย วิน ดีเซล นักแสดงนำและผู้อำนวยการสร้าง “FAST & FURIOUS X : เร็ว…แรงทะลุนรก 10”
ออกมาเปิดเผยว่า ภาค 10 จะเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์รถซิ่งทะลุอวกาศเรื่องนี้ แต่เป็นภาค 10 ภาคอวสาน ที่ทำแยกย่อยเป็นไตรภาค 10.1, 10.2 และ 10.3 ดูกันให้ตาแฉะไปเลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดยทีมนักแสดงกลุ่มใหม่สำหรับแฟรนไชส์นี้ ซึ่งรวมถึงนักแสดงรางวัลออสการ์ บรี ลาร์สัน ในบท เทส
ลูกสาวมิสเตอร์โนบอดี้ , อลัน ริชท์สัน (Reacher) ในบท เอมส์ หัวหน้าคนใหม่ของเอเจนซี ผู้ไม่ได้ปลาบปลื้มในตัวลูกทีมของดอมเท่ากับมิสเตอร์โนบอดี้หัวหน้าคนเก่า,
แดเนียลา เมลชีเออร์ (The Suicide Squad) ในบทน้องสาวของเอเลน่าเมียคนแรกของดอม ร่วมด้วย นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ในตำนาน ริต้า โมริโน ในบทคุณยายทอเร็ตโต้ ของดอมและมีอา
วิน ดีเซล
มิเชล โรดริเกซ
ไทรีส กิบสัน
คริส “ลูดาคริส” บริดเจส
เจสัน โมโมอา
นาตาลี แอมานุแอล
จอร์ดาน่า บริวสเตอร์
จอห์น ซีน่า
เจสัน สเตธัม
ซุง กัง
อลัน ริทช์สัน
ดาเนียลา เมลชิออร์
สกอตต์ อีสต์วุด
เฮเลน เมียร์เรน
ชาร์ลิซ เธอรอน
บรี ลาร์สัน
รีตา มอเรโน
บทวิจารณ์ภาพยนต์
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าหนังได้ถูกวางรากฐานเอาไว้อยู่แล้ว โดยทีมสร้างชุดเดิม ที่นำทีมโดย จัสติน ลิน นั่นเอง ทำให้เราไว้วางใจเรื่องการดำเนินเรื่องและเล่าเรื่องแบบไร้รอยต่อ
ไปในภาคนี้ไปได้เลย งานกำกับของ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ ยังคงเส้นคงวาและเอกลักษณ์ของเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี เป็นประสบการณ์ 2 ชั่วโมงนิด ๆ
ที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นชวนเหวอและไม่สมเหตุสมผลใด ๆ เลยสักนิด แต่กลับเต็มไปด้วยอรรถรสความมันส์และความสนุกชนิดระเบิดเมืองเป็นจุล
สำหรับ Fast X ที่ได้ จัสติน ลิน มาร่วมทีมเขียนบทกับ “แดน มาซัว” ที่คุ้นเคยกันดีมาตั้งแต่เฟรนไชส์ยุคแรก ๆ และ “แกรี่ สก็อต ทอมป์สัน” จากหนัง Wrath of the Titans
ที่ถูกดึงตัวว่าร่วมขัดเกลาบท แน่นอนว่าหนังยังสานต่อเนื้อเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างแยบยล แต่หากจะถามหาถึงแก่นสารต่าง ๆ แล้วนั้น
คงจะต้องบอกตรงไปตรงมาว่า Fast X เป็นหนังที่ค่อนข้างเลอะเทอะและหาสาระอะไรแทบไม่ได้เลย เพียงแต่ว่ามันยังสามารถทำให้คนดูเอ็นจอยไปด้วยมันได้ดี
โดยเฉพาะแฟน ๆ ที่จะกรี๊ดกร๊าดไปกับ easter eggs ต่าง ๆ ที่วางเรียงรายได้ทั้งเรื่อง
ด้านเทคนิคงานสร้างของ Fast X ก็คงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับภาคที่แล้วทำเอาไว้ มันยังคงปะปนไปด้วยฉากซ้ำ ๆ เดิม ๆ แอคชั่นวิถีเดิม ๆ ที่คนดูน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว
ทุนสร้างของหนังน่าจะหนักไปที่การทำซีจีต่าง ๆ ที่ภาคนี้ยัดใส่เข้ามาแทบจะทุกซีนเลยก็ว่าได้ และมันก็อัดแน่นไปด้วยฉากแอคชั่นใหญ่ ๆ หลายซีนมาประกอบกัน
อาจจะไม่สมบูรณ์แบบและบกพร่องไปอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการคืนกำไรให้กับผู้ชมดี
คงจะต้องสารภาพตรง ๆ เลยว่า ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ผู้เขียนค่อนข้างเอียนไปกับคอนเซ็ปต์จุดขายของหนังเรื่องนี้ อย่าง ไฮไลต์ความเป็นครอบครัว
มันกลายเป็นองค์ประกอบที่เลี่ยนและเชยไปเสียแล้ว ถูกนำมาใช้บ่อยจนช้ำชอกไปหมด ซึ่งบางครั้งก็หยอดใส่เข้ามาแบบไม่รู้ตาสีตาสาสักเท่าไหร่
จากอารมณ์บู๊เดือดจัด ๆ อยู่โยงมาโหมดซึ้งแฟมิลี่ชวนเลี่ยนอีกแล้ว จุดนี้กลายเป็นความบอบช้ำของหนังที่บั่นทอนตัวหนังไปอย่างน่าเสียดาย
ฉากแอคชั่นจัดต็ม
ฉากแอคชั่นบอกเลยว่ายังคงมีกลิ่นอายของความเป็น Fast ภาคก่อนๆ แบบจัดเต็ม เป็นจุดขายของซีรีส์นี้เลย คือมีการระเบิดภูเขาเผากระท่อมในทุกที่ที่แก๊งตัวเอกไป
และสำหรับคนคิดถึงการแข่งรถแบบ Fast ภาคแรกๆ ในหนังเรื่องนี้ก็มีใส่มาให้เล็กน้อยให้หายคิดถึงค่ะ แต่มันเล็กน้อยจริงๆ คนที่คาดหวังส่วนนี้ก็อาจจะผิดหวังเล็กน้อย
ส่วนฉากบู้ด้วยคน ฉากไล่ตามด้วยรถยนต์ยังคงใส่มาให้เยอะจุใจเหมือนเดิม จนรู้สึกว่ามันอาจจะเยอะไปหน่อย เร็ว แรง ทะลุ นรก 10 เต็มเรื่อง พากย์ไทย
เพราะมันแอคชั่นตั้งแต่หลังเปิดเรื่องมาไม่นานไปจนถึงตอนจบเลยทีเดียว กราฟฟิกอะไรต่างก็ค่อนข้างโอเคแม้ว่าจะดูลอยๆ บ้างในบางฉาก แต่โดยรวมก็โอเคจ้า
เพราะผู้เขียนดูรอบสองทุ่มกว่าหนังจบเกือบ 5 ทุ่มแต่ฉากแอคชั่นทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากและดูสนุกจนไม่ง่วงเลยแม้ว่าหนังจะนานเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ตาม
การกระจายบทตัวหนังเรื่องนี้ก็ทำได้ดี เพราะในเรื่องนี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้แก๊งตัวเอกต้องแยกกันดำเนินเรื่องเป็นกลุ่มย่อยๆ
ซึ่งก็เล่าเรื่องแต่ละกลุ่มกระจายกันได้ดี ไม่กระจุกอยู่ที่ตัวพระเอกมากเกินไป และมีฉากบู้ฉากแอคชั่นให้เราได้เห็นกันในแทบทุกกลุ่มย่อยเลยค่ะ
เรียกได้ว่ากะไม่ให้ผู้ชมได้พักกันเลยทีเดียว ฝั่งแก๊งพระเอกก็ยังคงคาแร็กเตอร์ความกวนโอ้ยและความเป็นครอบครัวเหมือนเดิม
โดยเฉพาะตัวละคร Roman Pearce และ Tej Parker ที่มีความกวนโอ้ยตบมุกกันโบ๊ะบ๊ะได้เหมือนเดิม ทั้งมุกฮามุกฝืดมีให้เห็นกันเยอะพอสมควร
แต่ส่วนของตัวหนังก็มีบางบทที่ใส่มาแบบงงๆ อยู่บ้างถ้าดูแบบใส่ใจรายละเอียดก็อาจพบอะไรที่มันอิหยังวะได้ในบางฉาก
นอกจากนั้นภาคนี้ยังนำตัวละครจากหลายๆ คนภาคก่อนหน้ากลับมาเยอะมาก นอกจาก Han แล้ว ก็ยังมีลูกสาวของ Mr.Nobody ที่แสดงโดย Brie Larson, น้องสาวของภรรยาเก่าของดอม และ Deckard Shaw ด้วย
รีวิวหนัง Fast & Furious X บทสรุป
โดยรวมแล้วหนัง Fast X เป็นช่วงแรกของการปูทางไปสู่ฉากจบที่แท้จริงของหนังตระกูล Fast หากไปดูแบบไม่คิดอะไรมากเรื่องเนื้อเรื่องและความสมจริง
บอกเลยว่าไม่ผิดหวังกับฉากแอคชั่นทั้งคนและรถของตัวหนังแน่นอน ด้วยตัวร้ายที่เก่งกาจและมีความโรคจิตทำให้แก๊งพระเอกตกที่นั่งลำบากจนชวนให้คิดว่าภาคต่อไปแก๊งพระเอกจะแก้เกมยังไง
นอกจากนี้ในหนังที่มีความเคร่งเครียดจากฉากแอคชั่นก็มีความตลกโปกฮาจากตัวละครเข้ามาแทรกบ้าง ทำให้ดูเพลินจริงๆค่ะ เรื่องนี้ แล้วก็ตัวหนังมี End credit ด้วยนะเป็นการบอกอะไรเกี่ยวกับภาคถัดไปเล็กน้อย ทำให้น่าติดตามเข้าไปอีก
แม้ว่าจะน่าเสียดายเบา ๆ ที่การมาเสริมของ “บรี ลาร์สัน” ในฐานะตัวละครใหม่ในภาคนี้ เธอมาพร้อมกับบทที่แสนจะจืดชืดและแทบจะไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย
แม้ว่าหนังจะเปิดตัวเธอเป็นตัวละครที่ถือว่าสำคัญในการเดินเรื่องอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่การออกแบบคาแรกเตอร์นี้ยังค่อนข้างขาดมิติหลาย ๆ
อย่างไปแบบที่ควรจะเป็น ทำให้กลายเป็นเพียงตัวละครที่ทำให้คนดูแค่รู้สึกเฉย ๆ เท่านั้นเอง
ยังมีเซอร์ไพรส์อีกเพียบที่น่าจะรอเซอร์วิสแฟน ๆ หนังชุดนี้อยู่ในอนาคต แต่เพียงแค่จุดเริ่มต้นก็ใส่ความมันส์และความเดือดแบบไม่ยั้ง เล่นทำเอาเหนื่อยไม่เบา
ตลอดความยาว 2 ชั่วโมงนิด ๆ ของหนัง นี่จึงยังเป็นหนังแอคชั่นที่มอบความบันเทิงได้ถึงใจถึงอารมณ์กับคนดู อันเป็นเสน่ห์ของหนังชุดนี้ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า..ทำไมเฟรนไชส์นี้ถึงได้ยืนยาวมาจนถึงภาคที่ 10 ได้
รีวิวหนัง Fast & Furious X ความรู้สึกหลังชม
นอกจากฉากซิ่งสุดมัน โดยแก่นแท้มันก็คือหนังแอ็กชันที่มีดีด้วยงานโปรดักชัน งานสตันต์ และวิชวลกราฟิกที่ทำได้ตามมาตรฐาน
รวมทั้งยังอัดแฟนเซอร์วิสจากภาคก่อน ๆ มาให้แบบคุ้ม ๆ แถมยังเล่นมุกจิกกัดตัวเองได้อีกต่างหาก นี่ยังไม่รวมบรรดาตัวละครเซอร์ไพรส์ที่ดาหน้าสร้างสีสันให้ตื่นเต้นกันทั่วหน้าอีกนะคะ
ภาคนี้ตัวหนังจัดเต็มไปด้วยความแอ็คชั่นแบบวินาศสันตะโร กับพลังเนื้อมนุษย์ของพี่ดอม ที่เหล่าคนดูต่างเอ็นจอยไปกับมันแบบสุดๆ
ถึงเนื้อเรื่องจะไปได้ไม่ไกลนัก แต่ก็พอให้อภัยได้กับความระห่ำกว่าทุกภาคแบบจริงๆ แต่ก็น่าผิดหวังตรงการตัดต่อที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ โดยรวมถือว่าทำออกมาได้น่าจดจำควรค่าแก่การดูอย่างยิ่งค่ะ
สิ่งดีอย่างหนึ่งของหนังที่นอกเหนือจากฉากแอ็คชั่นสุดมันส์แล้วก็เห็นจะเป็นการเล่าถึงปูมหลังของ ดอม กับครอบครัวตั้งแต่ในช่วงสมัยวัยรุ่น
แต่ก็อย่างที่บอกไปตอนต้นแหละ ว่าเหมือนแค่จับๆ ยัดมันลงไป เพราะเนื้อหามันเบาโหวงมากจนแทบจะไม่ได้ช่วยให้หนังดูมิติอะไรมากขึ้นมาได้เลย
อย่างที่รู้กัน หนังแฟรนไชส์นี้ไม่ได้เน้นการแสดงหรือตัวบทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เน้นขายความเว่อร์วังเหนือกฎฟิสิกส์ที่ยิ่งไกลภาคก็ยิ่งเว่อร์จนไร้สติและไร้ความเมคเซนส์มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น
เราก็คงพูดเช่นเดิมว่า แฟรนไชส์นี้เหมาะสำหรับการดูหนังที่ฝากสมองวางไว้หน้าโรง แล้วเข้าไปปล่อยจอยกับความบันเทิงบ้าพลังที่สร้างมาเพื่อเพียงความมัน(ส์)สะใจเท่านั้นเอง