Knives Out ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ เป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่รวมนักแสดงชื่อดังไว้คับคั่งมาก และได้ผู้กำกับ Rian Johnson ซึ่งเคยกำกับ Star Wars: The Last Jedi ที่ทำแฟนหนังเสียงแตกกระจุยกระจายมากำกับให้ และนี่คือรีวิว หนังใหม่แนะนำ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าค่ะ เชิญติดตามหนังดังเข้าใหม่เรื่องสนุกได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์
หนังสืบสวนสอบสวนสุดหักมุม
รีวิวหนัง Knives Out เรื่องย่อ
ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ เรื่องย่อ เรื่องราวเหตุการฆาตกรรมปริศนาที่เกิดขึ้นกับ ฮาร์ลาน ธรอมบีย์ (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) หัวหน้าตระกูล ธอร์มบีย์ ตระกูลนี้เป็นครอบครัวเศรษฐีและร่ำรวยมาจากตวามสำเร็จของ ฮาร์ลาน คนเดียวล้วนๆ
เพราะเขาเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดัง ที่มียอดขายหนังสือได้กว่า 80 ล้านเล่มทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นนักเขียนระดับอัจฉริยะ
โดยเหตุการฆาตกรรมนี้ เกิดขึ้นในงานวันเกิดของอายุครบ 85 ปี ของ ฮาร์ลาน ซึ่งมีคนมาพบศพของเขาในตอนเช้าวันถัดมา เขาถูกมีดแทงที่คอ
หลังจากนั้นตำรวจก็เข้ามาสืบสวนทำคดีนี้ต่อ แต่ยังไม่พบหลักฐานหรือแรงจูงใจที่ดีพอจะมาระบุตัวคนร้ายได้ หลังจากสืบสวนไปได้ไม่นาน อยู่มาวันหนึ่งก็มีการเรียกรวมตัวคนในครอบครัวธอร์มบีย์ เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติม
โดยในวันนี้ก็มีนักสืบเอกชนชื่อดังคนหนึ่งปรากฎตัวออกมาร่วมสืบคดีนี้ด้วย ชื่อของเขาคือ เบอนัวต์ บลองก์ (แดเนียล เคร็ก) นักสืบเอกชนระดับอัจฉริยะ เขาทำการไขคดียากๆมาแล้วมากมาย ซึ่งเขาบอกว่ามีคนจ้างวานให้เขามาสืบคดีนี้
แต่เขาไม่เคยเจอกับผู้ว่าจ้างและไม่รู้ว่าคนที่จ้างเขามานั้นคือใคร สุดท้ายแล้ว เรื่อราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร นักสืบเบอนัวต์ บลองก์ จะสามารถไขคดีนี้ และจับคนร้ายตัวจริงมารับโทษได้หรือไม่ แนะนำให้ทุกคนไปดูด้วยตาตัวเอง
สนุกมากๆ รับประกันไม่ผิดหวังแน่นอน แถมเรื่องราวทั้งหมดนี้ยังดัดแปลงมาจากนิยายจากปลายปากกาของ “อากาธา คริสตี” เจ้าแม่แห่งนิยายสืบสวนสอบสวน บอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง! ใครฆ่าคุณปู่รับชมได้แล้วตอนนี้ ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ full movie
บทบาทสุดเข้มข้น
แล้วใครคือฆาตกรตัวจริง ? แม้ว่าพล็อตและโครงเรื่องของหนัง แทบจะถอดแบบออกมาจากหนังสือนิยายในยุค 80-90 ของอากาธาแทบทุกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมาก ๆ เลยก็คือ
มันมีความร่วมสมัยที่หนังใส่มาได้แบบลงตัวสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนหรือว่าแอปฯ โซเชียล บวกกับไลฟ์สไตล์ของตัวละครในครอบครัวที่จับต้องได้ในยุคนี้
เราชอบวิธีการเล่าเรื่องของหนัง ที่เลือกเฉลยบางปมให้คนดูรู้ก่อน แล้วเดินเรื่องให้ลุ้นว่านักสืบพวกนั้นจะจับไต๋คนร้ายได้ไหม ไม่ใช่เล่าโดยยึดมุมมองของฝ่ายนักสืบเป็นหลักเหมือนหนังสืบสวนสอบสวนทั่วไป
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีความตลกร้ายแบบขำแรงปะปนอยู่จนบางทีก็ถามตัวเองระหว่างดูว่า “นี่มันหนังสืบสวนหรือหนังตลกโปกฮาวะเนี่ย”(ฮา) คือเซนส์มุกก็เจ๋ง
ตัวละครทุกตัวมีมิติ มี สตอรี มีกลิ่นอายหนังสไตล์ฮิตช์ค็อก เดาทางยาก ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าไว้ใจคนในครอบครัวนี้ไม่ได้เลยสักคน แม้แต่ฝั่งนักสืบเอง ก็แอบดูยากว่าจะออกทรงเกรียนแบบ จอห์นนี อิงลิช หรือเท่ ๆ คูล ๆ แบบ เจมส์ บอนด์
เรียกว่า เรื่องนี้ ป๋า แดนเนียล เคร็ก สลัดคราบความเป็น 007 ออกไปแทบทั้งหมดจริง ๆ บางทีอาจบอกได้ว่านี่เป็นอะไรที่ดูเข้าทางแกมากกว่า เจมส์ บอนด์ ที่แกเล่นรวมกันเสียอีก ดูแววแล้วถ้าไม่เป็นพระเอกก็จับแกไปเล่นตลกได้นะ (ฮา)
เป็นหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่แทบไม่มีบรรยากาศให้รู้สึกตึงเครียด ไม่มีฉากบู๊แอ็กชัน แต่กลับค่อย ๆ น่าติดตามขึ้นเรื่อย ๆ แล้วอีกปมนึงที่น่าสนใจมาก ๆ
คือการเสียดสีและจิกกัดวัฒนธรรมอเมริกันและมุมมองที่มีต่อผู้อพยพ ในทำนองประชดประชันเจ็บ ๆ คล้ายจะเย้ยคอนเซปต์ ‘ดินแดนเสรีภาพ’ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ propaganda ต่อเวทีโลกมาตลอด
เราชอบตรงที่หนังจงใจไม่ได้ขยี้มากนัก แต่คนดูสามารถไปตีความต่อเมสเซจตรงนี้ได้เองอย่างแจ่มชัด เข้าใจความเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มีที่ซุกหัวนอนของคนกลุ่มนี้
รวมนักแสดงมากฝีมือ
เนื่องจากหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยาย ซึ่งจากบทฉบับเดิมน่าจะมีตัวละครในเรื่องเยอะอยู่แล้ว พอเอามาทำหนังก็ต้องตัวละครเยอะตามต้นฉบับ เพื่อจะทำให้มีผู้ต้องสงสัยหลายคน จะได้สามารถใส่ลูกเล่นกับผู้ชมได้เยอะขึ้น Knives Out นักแสดงนำ
ซึ่งความดีงามคือทีมงานเรื่องนี้ ดันแคสต์นักแสดงแต่ละคนมามีแต่ดาราดังมากฝีมือกันทั้งนั้น คือแค่เห็นรายชื่อนักแสดงก็อยากดูแล้ว หรือเอาง่ายๆก็คือแค่ซื้อตั๋วเข้าไปดูการแสดงอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว
ทีมนักแสดงในเรื่องนี้มีทั้ง คริส อีแวนส์ , คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ , แดเนียล เคร็ก , โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ , อนา เดอ อาร์มัส , เจมี ลี เคอร์ติส , แคทเธอรีน แลงฟอร์ด , ดอน จอห์นสัน และ ไมเคิล แชนนอน เป็นต้น
นี่ยังไม่หมดนะมีมากกว่านี้อีก บอกแล้วว่ามีแต่นักแสดงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น และเมื่อนักแสดงระดับนี้ได้มารวมตัวกันในหนังเรื่องเดียว มันยิ่งวิเศษเข้าไปใหญ่
เพราะแต่ละคนสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก แสดงได้สมบทบาทที่ตัวเองได้รับ แถมตัวละครแต่ละตัวก็มีลักษณะนิสัยของตัวเองอย่างชัดเจน และค่อนข้างแตกต่างกัน ทำให้แต่ละคนมีเอกลักษณ์ และน่าจดจำ คือแม้ว่าตัวละครจะเยอะ
แต่เราก็ไม่จำสับสนแน่นอน เพราะทุกตัวละครจะมีจุดสังเกต หรือลักษณะนิสัยบางอย่างที่ทำให้เราเห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้เลยว่าคนๆ นี้คือใคร ซึ่งมันดีมากๆ
และเป็นส่วนที่ทำได้ยากพอสมควร เพราะหนังบางเรื่องตัวละครเยอะแบบนี้ แต่คนดูจำสลับ สับสนไปหมด เพราะออกแบบตัวละครมาไม่ดีพอ ซึ่งเรื่องนี้ทำได้ดีมากจริงๆ ส่วนนี้ต้องขอชม และไม่มีอะไรจะติเช่นเดียวกัน
งานภาพและการโปรดักชั่น
งานภาพของเรื่องนี้นั้น ทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว ภาพสวย โทนสีที่ใช้ก็ดี ชอบฉากหลังของเรื่องนี้ พร็อบต่างๆที่อยู่ในฉากมันดีมากๆ ใช้โทนสีที่สดใส โดดเด่น
ทำให้ผู้ชมจดจำได้ง่าย ส่วนตัวเราชอบเก้าอี้ที่มีมีดเยอะๆ เก้าอี้นั้นสวยมาก แบบแค่เห็นเก้าอี้นี้ก็ทำให้นึกได้เลยว่ามาจากหนังเรื่องไหน น่าจดจำจริงๆ
โดยรวมแล้วงานภาพ และมุมกล้องในแต่ละฉากอยู่ในเกณฑ์ดีค่อนไปทางดีมากเลยด้วยซ้ำ ต่อมาด้านงานโปรดักชั่น เรื่องนี้ทำงานโปรดักชั่นได้ดี โลเคชั่น แสง สี เสียงประกอบในเรื่อง ทุกอย่างทำออกมาได้ดี
โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้าหน้าเราของตัวละครในเรื่อง เราชอบมากๆ เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด แต่มีสไตล์ ตัวละครแต่ละตัวแต่งตัวได้มีเอกลักษณ์และน่าจดจำมากๆ
แถมเสื้อผ้าหน้าผม ยังคุมสีให้เข้ากลับฉากหลังอีกด้วย ไม่มีฉากไหนที่สีเสื้อผ้าโดดจนแย่งจุดโฟกัสเลย ทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ พอทุกอย่างนี้มาบวกกับงานภาพที่ดี
มันยิ่งทำให้ภาพรวมของหนังออกมาดีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม สรุปแล้วด้านงานภาพและการโปรดักชั่น เรามองว่าทำได้ดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถทำให้ดีได้มากกว่านี้อีก คือยังไปไม่สุดทาง แต่ก็ดีมากๆแล้ว ไม่ได้แย่แต่อย่างใด
รีวิวหนัง Knives Out บทสรุป
สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของเรื่องคือ การได้ดารานำมีฝีมือมาร่วมแสดงอย่างคับคั่ง แต่หนังก็ไม่ได้มีบทแจกให้ทุกคนได้เล่นแสดงฝีมือมากมายอะไร มีแค่เฉพาะตอนช่วงต้นที่เปิดมาเป็นการสอบสวนให้การที่ออกเยอะ แต่ก็ไม่ได้มาแบบไม่คุ้ม Knives Out Pantip
ถือว่าทุกคนมีบทเหมาะสมลงตัวในแบบตัวละครที่เป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ต้องมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปคนละแบบ แต่ที่เด่นสุดก็คงเป็นคริส อีแวนส์ จากกับตันอเมริกา มาเล่นเป็นบทหนุ่มเจ้าปัญหาที่ไม่ทำงานทำการเอาแต่สูบเงินของตระกูล
และก็ดูจะเป็นตัวละครที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยสุดในเรื่องตั้งแต่แรกๆ หนังใช้คริสเล่นได้อย่างกรุ้มกริ่มมีเลศนัย แต่ก็ดูเป็นคนดีในมุมที่หนังเปิดมาให้ดูอีกด้าน ถ้าใครชอบคริส อีแวนส์ก็ดูได้เลย บทของเขายังคงร่ำรวยด้วยเสน่ห์ไม่แตกต่างกัน
หนังดูจะสนุกกับการดัดแปลงสูตรของ “อกาธา คริสตี้” ที่ใช้กันมานานแล้ว มาทำให้ร่วมสมัยขึ้น ซึ่งถ้าดูจากผลงานของผู้กำกับ Rian Johnson ที่ทำ Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi ออกมาหลุดกรอบใหม่ๆ แตกต่างจนเกิดเสียงแตกแฟนๆ ก่นด่า
แต่คนดูทั่วไปชอบ ก็ทำให้เข้าใจได้ว่าผู้กำกับคงถนัดเลือกแนวทางดัดแปลงของเดิมให้มาเป็นของตัวเอง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก่อนฉายไทยได้ประสบความสำเร็จจากเมืองนอกมาทั้งเงินทั้งกล่อง ก็มีความเป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็นเรื่องราวของนักสืบ “บลังค์” ต่อไปอีกก็เป็นได้ค่ะ
ความรู้สึกหลังรับชม
เสน่ห์ของหนัง ไม่ได้อยู่ที่ความเข้มข้น ความเป๊ะปังของการไขคดี หรือว่าตัวคนร้ายคือใคร แต่มันคือหนังทริลเลอร์ที่มีความสนุกและเสน่ห์ด้วยบทฉลาด ๆ ชวนติดตาม
และความเจ๋งของมันคือการเดินเรื่องที่สนุก มีชั้นเชิง มีความหักมุมที่หลอกแบบเหนือ ๆ แต่ไม่เวอร์วังเกินไป เป็นหนึ่งในหนังที่คอหนังสไตล์ไหนก็ดูสนุก อ
าจมีบางองค์ประกอบเรื่องการบริหารตัวละครที่หลุด ๆ ไปบ้างบางช่วง แต่ต้องบอกว่ารวม ๆ แล้วหนังเรื่องนี้กลับมีเสน่ห์บางอย่างให้น่าติดตามและอยากกลับมาดูซ้ำสอง
นอกจากนี้หนัง ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะคงความคลาสสิกยุคเก่าที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจนของนิยายสืบสวนสอบสวนของ อกาธา คริสตี้ เอาไว้
ด้วยงานคอสตูมและโปรดักชันดีไซน์เนี้ยบมากๆ และนำมาเล่าผ่านบริบทสมัยใหม่ เพิ่มเติมประเด็นความเชื่อ เทคโนโลยี และปัญหาที่วัยรุ่นยุคใหม่ต้องเจอ เข้ามามีส่วนในการคลี่คลายคดีอยู่เป็นระยะ
ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับ ไรอัน จอห์นสัน ในฐานะผู้กำกับที่มีลายเซ็นชัดเจนในการผสมผสานกลิ่นอายผลงานเก่าๆ ที่มีความคลาสสิก รวมกับตีความเพื่อเปิดโลก และขยายจักรวาลที่เป็นพื้นฐานให้เข้ากับคนดูยุคใหม่
ปล.ถ้าชอบหนังสืบสวนเรายังมี ภาคต่อของคดีฆาตกรรมหรรษา Glass Onion : A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน ภาคต่อที่จัดจ้านแสบสันทั้งบทและบรรดานักแสดง