รีวิว the invitation
สวัสดีครับสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ มีชื่อเรื่องว่า the invitation ส ปอย หนัง หรืออีกชื่อ วิวาห์ผวา เอาตรงๆแล้วตอนดูจากตัวอย่างตอนแรก ดูหนังออนไลน์ ให้ความรู้สึกเหมือน Ready or Not (2019) อยู่เหมือนกัน กับเจ้าสาวที่ต้องมาเล่นเกมไล่ฆ่า ดูหนังฟรี ประจำตระกูล เป็นการไล่ล่าสุดระทึก หนังใหม่แนะนำ เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่พึ่งเสียแม่ไป เธอต้องใช้ชีวิตคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลาง เมืองใหญ่โดยไร้ครอบครัว แต่วันหนึ่งเธอก็ได้ส่ง DNA ไปตรวจที่บริษัทแห่งหนึ่ง ว่าเธอมีญาติที่หลงเหลืออยู่ไหม ปรากฏว่าเธอยังมีครอบครัว ทางฝั่งแม่ที่ห่างไกลออกไป อีกทวีป เป็นเหล่าขุนนางเก่าที่ร่ำรวย และ เธอก็ได้ถูกรับเชิญไปงานแต่ง เพื่อไปทำความรู้จัก กับครอบครัวที่เหลือ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของความหวาดผวา และ ความลับอันน่าสยองของตระกูลเธอ เราชอบเรื่องแนว ๆ นี้มากเลยทำให้มีความรู้สึกอยากดู The Invitation สุด ๆ แต่ในเรื่องนี้มันไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว อาจจะเหมือนตรงความเป็นหน้าใหม่ของตระกูล และ ต้องประสบพบเจอเรื่องราวบางอย่าง และ มันก็ช่างแตกต่างจาก Ready or Not เสียเหลือเกิน
ชื่อเรื่อง the Invitation
ประเภท สยองขวัญ
กำหนดฉาย 1 กันยายน 2022
กำกับโดย เจสสิก้า เอ็ม. ทอมป์สัน
นำแสดงโดย นาตาลี เอ็มมานูแอล, โทมัส โดเฮอร์ตี, สเตฟานี คอร์เนลิอุสเซ่น
รีวิว The Invitation
รีวิว the invitation นับว่าน่าแปลกใจไม่น้อยที่ ‘The Invitation’ ได้ขึ้นอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศ ของอเมริกา ทั้งที่หน้าหนังสยองขวัญแบบนี้ ควรจะไปฉายในเดือนตุลาคม รับเทศกาลฮาโลวีนมากกว่า แต่กระนั้นจุดที่น่าสนใจของมันก็มีไม่น้อยทั้งการมีไอเดียตั้งต้นจากวรรณกรรม สยองขวัญสุดคลาสสิก และ เป็นบทนำในหนังเมนสตรีม นอกแฟรนไชส์ ‘Fast and Furious’ ของ นาตาลี เอ็มมานูเอล (Nathalie Emmanuel) สาวผิวเข้มผมหยิกที่ครองใจหนุ่ม ๆ ที่ติดตามแฟรนไชส์รถซิ่งมานาน
ทางด้านนักแสดง ถือว่าแคสออกมาได้น่าสนใจ ตรงคอนเซ็ปท์ โดยเฉพาะ Thomas Doherty ผู้รับบทท่านลอร์ด Walter ดูหล่อ สุขุม มีเสน่ห์ และ Nathalie Emmanuel ในบท Evie ก็ดูสวยมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน และ เคมีของทั้งคู่เวลาเข้าฉากกันก็ดูเหมาะสม ถ้าเป็นเล่นหนังรักโรแมนติก น่าจะน่าสนใจไม่น้อย แต่อย่าลืมว่านี่มันหนังสยองขวัญ ระทึกขวัญนะ…อย่างไรก็ตาม การแสดงก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นจนต้องทึ่ง
ทางด้านการถ่ายทำก็ถือว่าธรรมดา ฉากก็ดูไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์กับสถานที่นั้น ๆ ได้เท่าที่ควร เรื่องแสงนี่บางฉากมืดมาก เข้าใจว่าจงใจให้มันมืดแหละ แต่บางทีมันก็มืดไปจนดูไม่รู้เรื่องเลย และ เรื่องการแต่งหน้าด้วย เหมือนอยากประหยัดงบ ไอ้ฉากท้าย ๆ มันก็ควรจะจัดเต็มหน่อย
เรื่องย่อ
“อีวี่” ที่สูญเสียแม่ไปแล้วเธอก็ไม่มีญาติเลย เธอเลยตัดสินใจ ลองส่งเลือด DNA the invitation พากย์ไทย มาตรวจเผื่อเธอจะเจอญาติห่าง ๆ พบ แล้วก็เจอจริง ๆ เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เธอเอง ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วก็ถูกเชิญไปงานแต่งสุดอลังการ แล้วเธอก็ได้พบกับหนุ่มหล่อมาดหยิ่ง แล้วทั้งสองก็ตกหลุมรักกัน จนเธอไม่รู้เลยว่าความสยอง กำลังรอเผยโฉมร่างที่แท้จริงออกมา…
ความประทับใจ
คือถ้าไม่มีเหตุการณ์ประหลาดแทรกมาเป็นระยะ ๆ นี่เกือบลืมไปแล้ว The Invitation (2015) ว่ามาดูหนังสยองขวัญอยู่นะ หนังมันดูย่ำอยู่กับที่ไม่พัฒนา เรื่องราวอะไรเท่าไหร่ กว่าหนังจะเข้ารูปเข้ารอย ก็ปาไปท้ายเรื่องละ พอมันเริ่มจะโอเคทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็วอย่างน่าเสียดาย ตลอดทั้งเรื่องมีจังหวะให้สยองให้ระทึกอยู่ประมาณ….2% เห็นจะได้
แถมหนังยังไม่เจาะลึกเรื่องราวไอ้ความลับของตระกูลได้มากเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่มีอะไรบอกเล่าได้อีกเยอะแยะมากมาย และ สามารถยืดช่วงท้ายให้กลายเป็นหนังไล่ล่าลุ้นระทึกได้แท้ ๆ แต่หนังกลับเลือกจะจบอย่างง่ายดาย ใช้ตัวละครที่มีได้ไม่คุ้มเลยสักนิด มันควรจะเป็นการกดดันให้ตัวนางเอกรู้สึกไม่ปลอดภัย มันสร้างความวินาศวันตะโรได้เยอะกว่านี้มากอะ แถมทิ้งท้ายไว้ด้วยความไม่สมเหตุสมผลกับการกระทำนางเอกเลยจริง ๆ
ถึงแม้องค์แรกจะเต็มไปด้วยฉากโรเมนติก ยังดีที่ตัวหนังยังไม่ลืมที่จะใส่ความสยองขวัญลงไปตัวหนังก็สร้างบรรยากาศได้ดีชวนผวาอยู่เหมือนกันเลยขอบอกอีกอย่างว่าฉากตุ้งแซ่เยอะมาก ๆ ฮ่า ๆ คนไม่ชอบฉากตุ้งแซ่เยอะอาจรู้สึกว่าจำเจพอสมควร
แล้วพอผมได้เห็นบรรยากาศ และ คอสตูมที่ปังอลังการมาก ๆ ผมว่ามันไม่ใช่ Ready or Not แล้วละ มันคือ UNDERWORLD ชัด ๆ คือมันได้มากแล้วผมก็กำลังคิดถึงหนังแนว ๆ นี้อยู่พอดี พอมาเห็นแบบนี้อีกครั้งผมก็แฮบปี้นะ เหมือนโซนี่อยากทำแฟรนไซส์นี้ต่ออะไรแบบนี้
ความรู้สึกหลังดูจบขอบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ตัวพล็อตค่อนข้างจะเดิม ๆ เอามาก ๆ จึงไม่แปลกที่หลายคนนึกถึงหนังเรื่อง Ready or Not ที่พล็อตมันคล้าย ๆ ชะเหลือเกิน อาจทำให้หลายคนคาดหวังว่าจะได้แนวสยองแบบสุด ๆ แต่พอมาดูจริง ๆ ดันกลายเป็นหนังโรเมนติก ดราม่าชะงั้น
เพราะช่วงองค์แรกของเรื่องเราจะได้เห็นโมเม้นโรเมนติกของพระนางทั้งสองทั้ง อีวี่ และ วอลเตอร์ ที่นำแสดงโดย นาตาลี แอมานุแอล และ โทมัส โดเฮอร์ตี โดยส่วนตัวแล้วเคมีทั้งสองก็โอเคอยู่นะ ฉากแต่ละฉากก็ชวนฟืนจิกเบาะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
รีวิว the invitation
รีวิว the invitation หนังปูเรื่องราว และ ดำเนินเรื่องช้ามากถึงมากที่สุด the invitation สปอย กว่าจะเข้าเรื่องเข้าราวก็ปาไปกว่าครึ่งเรื่องได้แล้ว มีวัตถุดิบที่ไม่จำเป็นมากมายระหว่างทาง บทหนังเสียเวลาไปกับการอ่อยกันไปอ่อยกันมา ของตัวนางเอกกับท่านลอร์ด ฝ่ายหญิงดูหลงระเริงกับฐานะเงินทอง และ ความหล่อของท่านลอร์ดสุด ๆ จนน่ารำคาญ มีตัวอิจฉาพูดแซะจิกกัดนางเอก อย่างกับพวกละครน้ำเน่า
แบลร์ บัตเลอร์ แสดงออกชัดเจนเลยว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘Dracula’ นิยายสยองขวัญระดับขึ้นหิ้งของ บราม สโตเกอร์ (Bram Stoker) โดยหยิบจับเอามาเล่าโดยหลอกล่อผู้ชมด้วยพล็อตแบบหนังโรแมนติก ซินเดอร์เรลลา สาวชั้นต่ำจากนิวยอร์กมาพบรักกับเศรษฐีหนุ่มในคฤหาสน์หรูย่านชนบทของอังกฤษก่อนจะค่อย ๆ เปิดเผยธาตุแท้ของปีศาจในคราบคนรวยออกมา ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วบทของบัตเลอร์ก็มีไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยนะครับ
แต่แล้วมันก็ยังเหลือช่องโหว่ที่ทำให้คนดูอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีตั้งแต่นางเอกตัดสินใจบินไปอังกฤษทั้งที่เพิ่งเจอกับคนที่อ้างตัวเป็นญาติครั้งแรกหรือการได้พบเจอกับพ่อบ้าน และ เหล่าสาวใช้ท่าทางประหลาด ไปจนถึงคุณหนูไฮโซที่เหมือนหลุดมาจากนางร้ายละครคุณธรรมบน Tik Tok แต่หนูอีวีก็ยังคงทู่ซี้อยู่ในคฤหาสน์ต่อไปเพียงเพราะเจ้าของเป็นหนุ่มหล่อมาเคาะประตูขอนอนด้วยแค่นั้นเอง
และ ยังไม่พอ ในเมื่อนี่คือหนังสยองขวัญที่มุ่งขายความน่ากลัวแต่งานกำกับของ เจสสิกา เอ็ม ธอมป์สัน (Jessica M. Thompson) กลับไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควรเพราะนอกจากสกอร์ตุ้งแช่ที่ขยันมาสร้างความตกอกตกใจแล้ว ตัวหนังไม่สามารถสร้างความสะพรึงอะไรให้คนดูได้แม้แต่นิดเดียว ส่วนจุดหักมุมของหนังที่จะไปทางเพื่อนหญิงพลังหญิงก็ดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมดจนเสียดายไอเดียสร้างสรรค์ตั้งต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
บทสรุป
ถือเป็นหนังที่มีไอเดียตั้งตนที่ดีนะครับแต่บทหนัง และ การเล่าเรื่องกลับพามันไปไม่สุดทางสักเท่าไหร่ The Invitation (2022) ถึงฉากน่ากลัว..หนังพี่แกก็มืดจนแทบมองอะไรไม่เห็นในฉากตุ้งแช่ หรือจะฉากเล่นหูเล่นตาชวนโรแมนติกก็ดูเชยสะบัด และ แทบไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกอิ่มเอมอะไรเลย แต่ขอข้อยกเว้นไว้สำหรับสาว ๆ แล้วกันนะครับว่าถ้าอยากดูผู้ชายหล่อ ๆ การได้มอง โทมัส โดเฮอร์ตี (Thomas Doherty) อาจทำให้คุณใจละลายได้เลยล่ะครับ