รีวิว elvis

รีวิว elvis

หนังใหม่แนะนำ สวัสดีครับมาถึงอีกหนึ่งเรื่องกันนะครับสำหรับค่ำคืนนี้ กับหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มนักร้องไฟแรงยุค 90 การคัมแบคกลับมาของตัวพ่อหนังมิวสิคัลที่เต็มไปด้วยสไตล์และความจัดจ้าน “บาซ เลอห์มานน์” ที่หอบเอาแนวคิดสร้างสรรค์มาละเลงวาดลวดลายเล่าเรื่องราวชีวิตของตำนานเพลงที่ได้ชื่อว่า ราชาแห่งร็อกแอนด์โรล เพราะนี่คือ “Elvis” (เอลวิส) หนึ่งในศิลปินระดับมหากาฬที่โลกได้จารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ และนี่คือการตีแผ่ช่วงชีวิตของเขานับตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปถึงปลายทาง ออกมาเป็นหนังดราม่าคลุกเคล้าเพลงและผสมช่วงยุคสมัยที่สำคัญเอาไว้ได้อย่างแยลยล

ส ปอย หนัง ส่วนตัวไม่เคยดูหนังของ บาซ เลอห์มานน์ ซักเรื่องเลย หนังของผู้กำกับคนนี้ที่ผ่านมาก็มีเรื่อง Romeo + Juliet (1996), Moulin Rouge! (2001), The Great Gatsby (2013) เราที่ได้มาดูเรื่องนี้เรื่องแรกเลยค่อนข้างจะต้องปรับจูนซักนิดพอได้ดูครั้งแรกกับโทนของหนังที่จัดจ้าน ภาพรวมถือว่าเพลิดเพลินดีเลยทีเดียว แม้หลายอย่างจะดูตะกุกตะกักไปพอสมควร แต่การนำเสนอของหนังก็ไปได้สุดทางในแบบของมัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวประวัติดราม่าของ เอลวิส เพรสลีย์ ที่เล่าถึงช่วงที่ยังไม่มีชื่อเสียงมาก ไปจนถึงจุดสูงสุดและต่ำสุดของชีวิต โดยถูกเล่าผ่านน้ำเสียงของผู้จัดการของเอลวิสอย่าง ผู้พันทอม ปาร์คเกอร์ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

รีวิว elvis

รีวิว elvis

รีวิว elvis หนังค่อนข้าวยาวมาก แต่ก็เดินเร็วมากเช่นกัน (เป็นความย้อนแย้งนิดๆ 5555) แต่นานในทีนี้คือความยาวนานของหนังเป็นการเล่าเรื่องและสำรวจชีวิตของเอลวิสในหลายจุดแบบไม่ได้เรียงลำดับเป็นเส้นตรง อีกทั้งหนังก็เล่าโดยที่ไม่ได้แวะพักในจุดใดจุดนึง ผลเลยทำให้ความยาวของหนังที่ยาวมากกลับรู้สึกว่าผ่านไปไวพอสมควรเพราะหนังเล่าเรื่องต่าง ๆ ได้ฉับไว รวดเร็ว มีความเพลิดเพลิน แต่ข้อเสียในทีนี้คือไม่ได้มีเวลาสำรวจบางสิ่งบางอย่างที่ดูน่าสนใจ พอมันเล่าเรื่องราวชีวิต ประวัติศาสตร์ และประเด็นสังคมที่ควบคู่กันไป เล่าแบบเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้เจาะจงมาก เลยรู้สึกขาดอารมณ์และความหนักแน่นอิมแพคในปลายทาง แต่มันก็มีดีเทลที่น่าสนใจระหว่างทางที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตการงานของเอลวิส ส่วนเรื่องราวของเอลวิสที่ผ่านมรสุมชีวิตก็สำรวจได้ชวนสะเทือนและน่าเศร้าเลยทีเดียว ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

สไตล์การเล่าเรื่อง elvis ที่ทำได้อย่างมีสีสัน

รีวิว elvis

แม้เรื่องราวที่ดูขาด ๆ เกิน ๆ จะดูเป็นข้อเสียของหนัง แต่หนังก็ได้โทนและสไตล์อันโดดเด่นที่เล่าเรื่องได้มีสีสันอันฉูดฉาด ผ่านงานโปรดักชั่น เสื้อหน้าหน้าผม ซึ่งก็จัดเต็มอันทำให้ออกมาเป็นหนังชีวประวัติสุดอลังการกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา ส่วนการตัดต่ออันรวดเร็วฉับไวที่เสมือนกับท่าเต้นของเอลวิสอันร้อนแรงและกระฉับกระเฉง ก็สามารถเข้ากับหนังมากเลยทีเดียว แม้ว่าอาจจะเร็วจนไม่ทันได้ซึมซับอารมณ์บ้าง แต่มันก็ทำให้เราเพลิดเพลินกับหนังได้อย่างดี เหมือนมนต์ที่สะกดให้เราได้ตามติดไปกับเรื่องราวจนจบ เติมเต็มสีสันอันฉูดฉาดในตัวเรื่องราวและยุคสมัยของหนังที่นำเสนอได้อย่างดี

ด้วยวิสัยทัศน์ของ บาซ เลอห์มานน์ ขอให้ไว้ใจได้เลย เมื่อเขาต้องมาหยิบจับทำหนังที่องค์ประกอบของเพลงเข้ามาร่วมด้วย แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยทำหนังชีวประวัติเรื่องไหนมาก่อนก็ตาม แต่ได้มีโอกาสมาหยิบคว้าเรื่องราวของราชาเพลง เอลวิส เพรสลีย์ เลยในครั้งนี้ แน่นอนว่าน่าจะต้องเครียดและวางแผนงานสเกลที่ยิ่งใหญ่ไม่เบา และทุก ๆ อณูที่หนังถ่ายทอดออกมานั้น ก็สัมผัสได้ถึงความละเอียดในองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาในหนังที่มีความยาว 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เรื่องนี้ elvis ซับไทย

พล็อตหนัง elvis ที่ดีเกินคาด

รีวิว elvis

องค์ประกอบฉาก, องค์ประกอบศิลป์, ดีไซน์บทเพลง หรือจะงานตัดต่อ ล้วนแต่เป็นองค์ที่ไว้วางใจ บาซ เลอห์มานน์ ผู้นี้ได้ และเรื่องนี้เขาก็ยังคงไว้ด้วยสไตล์และลายเส้นเฉพาะตัวของเขาเองเอาไว้ได้ทุกอณูของหนัง ความจัดจ้านในการตัดต่อและเล่าเรื่องยังบ่งบอกในความเป็นเลอห์มานน์โดยแท้ และความลื่นไหลต่าง ๆ แสดงออกให้เห็นถึงแนวทางที่ถนัดของแต่ละคน เมื่อหนังมาอยู่ในมือของคนที่คู่ควร มันก็จะแจ่มวาวอะไรประมาณนี้

แม้ว่า บาซ เลอห์มานน์ จะสามารถทำให้ Elvis ออกมาให้รสชาติจัดจ้านและอิ่มเอมดีตามมาตรฐานแล้ว แต่ถ้าหากเป็นในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น กลับรู้สึกค่อนข้างเอียนกับเทคนิคและลูกเล่นเดิม ๆ ของนักสร้างหนังผู้นี้อย่างน่าประหลาดใจ กลายเป็นว่าเมื่อมาดูองก์โดยรวมแล้ว กลับรู้สึกว่า Elvis มีความเลี่ยนในลายเส้นเก่า ๆ ของเลอห์แมนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงมันจะเป็นองค์ประกอบฉูดฉาดที่เร้าใจและน่าตื่นตา ไม่รู้ทำไมเช่นกันที่มีอีกความรู้สึกว่า ไม่มีอะไรใหม่จากผู้กำกับผู้นี้ออกมาในหนังเรื่องนี้เลย (พูดจากใจในฐานะแฟนคลับตัวยง)

ทางด้านการแสดงของหนังเรื่องนี้บ้าง กล้าพูดได้เล่นว่า ‘เริ่ด’ ถึงตัวหนังจะโฟกัสและเน้นความสำคัญหลัก ๆ แค่เพียง 2 ตัวละครของ “ออสติน บัตเลอร์” กับ “ทอม แฮงก์ส” แต่การผนึกกำลังของทั้งสองคนนี้ก็ช่วยประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ ออสติน บัตเลอร์ ที่มอบการแสดงที่ค่อนข้างน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย อาจจะเพราะการแปลงโฉมให้คล้ายกับตัวจริงด้วยส่วนหนึ่ง แต่อินเนอร์ต่าง ๆ ของเขาก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้ายตามและเชื่อไปอย่างหมดใจแล้วว่า เขาคือเอลวิส

การดีไซน์การแสดง ไม่ว่าจะเป็นท่าทางและน้ำเสียงการพูดต่าง ๆ เจ้าหนุ่มออสตินถือว่าทำการบ้านมาดี เขาอาจจะไม่ใช่นักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ เพราะจริง ๆ เขาก็สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ผ่านงานแสดงมาก็พอประมาณ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขาถูกเลือกให้มาเป็นนักแสดงนำที่โดดเด่นที่สุด และเขาก็สามารถแบกรับหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง และไม่อาจจะทำให้ผู้ชมละสายไปได้เลย เพราะการเหลาคมความหล่อแบบเดียวกับต้นฉบับ เอลวิส เพรสลีย์ มาเอง

ในขณะที่ ทอม แฮงก์ส คนนี้ไม่ต้องเปล่งวาจาอะไรเยอะ นี่อาจจะเป็นงานแสดงระดับง่ายแบบปอกกล้วยเข้าปากเขาเท่านั้น เพราะเราก็เคยเห็นอะไรแบบนี้จากเขามาก่อนแล้ว แต่เขาสามารถดีไซน์การแสดงออกมาให้รู้สึกไม่จำเจกับบทที่ตัวเองเคยเล่นมาแล้ว ผนวกกับการแปลงโฉมทั้งตัว เพื่อให้เข้ากับบทบาท จึงเป็นอีกตัวละคนหนึ่งที่ผู้ชมจะรู้สึกเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างทาง แม้ว่าความซับซ้อนและมิติของตัวละครที่หนังถ่ายทอดออกมายังค่อนข้างแบนไปสักหน่อย elvis เสียชีวิต

รีวิว ความรู้สึกหลังดู elvis

รีวิว elvis แน่นอนว่าจะไม่พูดถึงเรื่องเพลงก็คงจะไม่ได้ คือสารภาพตรง ๆ ว่าผู้เขียนก็ไม่ได้เป็นแฟนเพลง เอลวิส เพรสลีย์ อะไรเลย แต่เชื่อเถอะว่าหลาย ๆ บทเพลงที่รีมิกซ์ใส่เข้ามาประกอบในหนังเรื่องนี้ หลายคนจะต้องร้องอ๋อตามไปตลอดทาง หยิบเอาเพลงคลาสสิกมากมายของเอลวิสมาประยุกต์ใหม่ที่เสนาะหูและเข้ากับยุคสมัยมาก ๆ แม้ว่าจะใช้เทคนิคมิกซ์เพลงคล้าย ๆ กับผลงานเรื่องก่อนของเลอห์มานน์มากไปหน่อยก็ตาม

และอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ต้องเอ่ยถึงก็คือ เทนิคการแต่งหน้า-ทำผมและคอสตูมดีไซน์ ที่ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญของ Elvis เลยทีเดียว การแต่งหน้า-ทำผมโดดเด่นมาก โดยเฉพาะการแปลงโฉมให้กับออสตินในการเป็นเอลวิสในแต่ละยุค ที่ค่อน ๆ ใส่รายละเอียดแทรกเขาไปได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะช่วงท้าย ๆ เรื่องถึงกับต้องฉุกคิดตามไปว่า นี่หนังหยิบเอาฟุตเทจจริง ๆ มาตัดต่อสลับไปมาด้วยหรือไม่ เพราะเกือบจะแยกไม่ออกแล้ว

ส่วนองค์ประกอบงานออกแบบเสื้อผ้าของหนังเรื่องนี้ ต้องยกนิ้วให้จริง ๆ เพราะทีมงานสร้างเก็บรายละเอียดแทบจะทุกระเบียบนิ้วในยุคนั้นเอามาใส่ไว้ได้เป๊ะ ๆ ไม่ขัดตา แน่นอนว่าองค์ประกอบนี้ถือว่าเป็นอีกไฮไลต์เด็ดของหนังเลอห์มานน์ในทุก ๆ เรื่อง และ Elvis ก็ถือว่าสอบผ่านในองค์ประกอบงานสร้างหลาย ๆ ด้านที่บรรจงสร้างออกมา elvis พากย์ไทย เต็มเรื่อง

บทสรุปภาพยนตร์ elvis

โดยภาพรวมแล้วนั้น Elvis ก็ถือว่าเป็นหนังชีวประวัติตำนานเพลงที่ทำออกมาได้ค่อนข้างกล่อมกลม ช่วงปูเรื่องตอนแรก ๆ เล่าเรื่องได้กระชับติดสปีดทีเดียว แม้ว่าจะมาย้วยนิดหน่อยในช่วงกลาง ๆ แต่ก็สามารถปิดองก์ท้ายของเรื่องได้อย่างทรงพลังกับความดราม่าที่เพิ่มลำดับขึ้นเรื่อย ๆ บทหนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่กลมกล่อมมากนัก แต่ก็นับได้ว่าเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ในชีวิตเอลวิส ผนวกเข้ากับเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในช่วงชีวิตเขาเอาไว้ได้ค่อนข้างดี elvis 2022 เต็มเรื่อง

หรืออาจจะเป็นเพราะความยาวของหนังด้วยกระมัง ที่ทำให้ Elvis อาจจะยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจในฐานะหนังชีวประวัติที่สมบูรณ์แบบ เพราะถ้าหากว่าหนังปรับลดให้กระชับขึ้นกว่านี้ได้อีกสัก 15-20 นาที คิดว่าหลาย ๆ องค์ประกอบน่าจะอร่อยกำลังพอดี และอาจจะไม่ทนเลี่ยนกับลูกไม้เดิม ๆ ของผู้กำกับท่านี้ แต่สรุปแล้วก็ยังจัดได้ว่า Elvis เป็นหนังทีดี เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เกือบสมบูรณ์ในเรื่องอรรถรสเรื่องหนึ่งเลย เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เราได้คิดถึงเขาผู้เป็นตำนานอีกครั้ง เอลวิส เพรสลีย์…

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Elvis

ประเภท: ดราม่า / เพลง
ผู้กำกับ: บาซ เลอห์มานน์
นำแสดงโดย: ออสติน บัตเลอร์, ทอม แฮงก์ส
ความยาว: 159 นาที
กำหนดฉายในไทย: 23 มิถุนายน 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *