รีวิว do revenge

รีวิว do revenge

สวัสดีครับ หากใครเคยรับชม ริเวอร์เดล หรือ สเตรนเจอร์ธิงส์ คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก สองนักแสดงหลักๆอย่างสองคนนี้แน่นอน เวโรนิก้า ลอดจ์ และ โรบิน ครั้งนี้พวกเขามาจับมือกัน ในภาพยนตร์ แค้นนัก…สลับกันแก้ หนังอินดี้มาแรง เป็นเรื่องราวของ เดรอา เด็กสาวที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในชั้นมัธยมปลาย ในฐานะอัลฟ่าตัวแม่ในโรงเรียน ดูหนังฟรี แต่ชีวิตของเธอต้องพังทลายลง เพราะคลิปเซ็กส์ของเธอหลุด ส ปอย หนัง ออกไปจนทุกคนในโรงเรียนได้เห็นกันหมด และ คาดว่าคนที่ปล่อยคลิปออกไปก็น่าจะเป็น แม็กซ์ ดูหนังออนไลน์ แฟนหนุ่มซึ่งเป็นตัวท็อปฝ่ายชายของโรงเรียนนี้ แน่นอนว่าก่อนจะเริ่มต้นดูหนังเรื่องนี้ก็ได้เตรียมพร้อม และ รับมือกับการถาโถมของบรรยากาศเดิม ๆ ของหนังวัยรุ่นยุค 2000s ที่ Do Revenge ก็ใส่กลิ่นอาย และ บรรยากาศของหนังในวันวานหลายเรื่องเข้ามาปะปนกัน แม้ว่าจะเป็นสูตรสำเร็จที่หยิบเรื่องนั้น แปะเรื่องนี้ มายำรวม ๆ กันออกมา แต่ก็บอกได้เลยว่าหนังเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้างเวิร์ก กลายเป็นส่วนประกอบเดิมที่ปรุงออกมาเป็นจานใหม่ที่ได้รสชาติทานอร่อย

หนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 58 นาที ลง Netflix แล้ว เป็นหนังแนวคอเมดี้ที่สนุก สุดป่วน มีมุกฮา ๆ ดูได้เรื่อย ๆ และ มีจุดหักมุมที่คนดูเงิบของจริง แถมยังเล่นประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ และ ความสัมพันธ์แบบ toxic abusive ที่บางครั้ง Pop Culture ก็ทำให้เรากลายร่างเป็นปีศาจร้ายโดยที่เราไม่รู้ตัว กำกับโดย Jennifer Kaytin Robinson นำแสดงโดย Camila Mendes รับบทเป็น Drea Torres และ Maya Hawke รับบทเป็น Eleanor

รีวิว do revenge

รีวิว do revenge

รีวิว do revenge หนังเน็ตฟลิกซ์กระแสแรงในขณะนี้ยกให้เรื่อง ‘Do Revenge แค้นนัก…สลับกันแก้’ ผลงานของ เจนนิเฟอร์ เคย์ทิน โรบินสัน (Jennifer Kaytin Robinson) กับการกำกับ และ เขียนบทหนังยาวหลังจากเพิ่งมีผลงานการเขียนบทหนังสุดป่วง ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) มาไม่นาน

ซึ่งหากดูผลงานที่ผ่านมาของเธอก็อาจพอกล่าวได้ว่าเธอถนัดในหนังแนววัยรุ่นพลังหญิงอย่างในเรื่องนี้มากกว่าพวกหนังฮีโรเสียอีก ทั้งการเขียนบทซีรีส์ ‘Unpregnant’ (2021) ที่ว่าด้วยเพื่อนหญิงที่ตั้งใจเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำแต่ดันพลาดตั้งท้องก่อน หรือซีรีส์ ‘Sweet/Vicious’ (2016) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนหญิงที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ยเอาคืนพวกล่วงละเมิดทางเพศในรั้วมหาวิทยาลัย

จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นหนังซีรีส์วัยรุ่นทั่วไป แต่โรบินสันก็มักมีแง่มุมบางอย่างที่แตกต่างมานำเสนอ เช่นเดียวกันใน ‘Do Revenge’ มันเป็นเรื่องราวของ เดรดา วัยรุ่นละตินอเมริกันที่ฐานะทางบ้านธรรมดา แต่มีความฝันทะเยอทะยานเป็นคนพิเศษในสังคมมัธยมปลายสุดไฮโซเพื่อก้าวต่อไปสู่การเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ

ซึ่งเธอก็ใช้ทั้งความฉลาด และ การกดทับคนอื่นเพื่อเอาตัวรอดในโลกของวัยรุ่นสุดวุ่นวาย จนวันหนึ่งเธอถูกตีกลับจากคลิปหลุดจนเสียสถานะราชินีทางสังคมไป และ ก่อเกิดเป็นความคับแค้นที่เธอปักใจเชื่อเอาเองว่าเธอถูกกลั่นแกล้งจาก แม็กซ์ อดีตแฟนหนุ่มภาพลักษณ์ดีผู้เป็นพระราชาแสนรักของโรงเรียนแห่งนี้

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว do revenge

เรื่องราวของหญิงสาว 2 คน ได้แก่ Drea (Camila Mendes) และ Eleanor (Maya Hawke) ที่ได้มาร่วมมือกันเพื่อแก้เผ็ดเหล่าเพื่อนตัวแสบ ซึ่งเดิมที Drea เป็นแฟนของหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนอย่าง Max (Austin Abrams) ทำให้เธอได้กลายเป็นดาวเด่นไปด้วย revenge พากย์ไทย ทว่าอยู่มาวันหนึ่งแฟนหนุ่มของเธอดันปล่อยคลิปลับของเธอออกมา และ ด้วยความโมโหเธอจึงเดินไปตบหน้าเขาต่อหน้าเพื่อน ๆ

ทุกคนในโรงเรียน ทำให้เธอถูกประนามว่าเป็นพวกใช้ความรุนแรง แถมเหตุการณ์ยังส่งผลให้เธออดได้ทุนจากมหาลัย และ กลายเป็นสาวฮอตตกกระป๋องไร้อนาคต จนเธอได้เจอกับนักเรียนที่ย้ายมาใหม่อย่าง Eleanor ซึ่งตัวของ Eleanor ก็มีความแค้นส่วนตัวกับ Carissa (Ava Capri) เนื่องจากตอนเด็ก Eleanor เคยถูก Carissa ไปบอกกับเพื่อนว่าเธอเป็นเลสเบียนจนทำให้เธอไม่มีเพื่อนคบมาจนปัจจุบัน

โดยเมื่อเด็กสาวทั้ง 2 ที่มีความแค้นได้มาเจอกัน ทั้งคู่จึงได้ร่วมมือกันเพื่อที่จะแก้แค้น Max และ Carissa ที่เคยทำให้ชีวิตของพวกเธอพังทลาย สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Do Revenge (แค้นนัก…สลับกันแก้) รับชมได้แล้วตอนนี้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว do revenge

หนังมาเต็มเลยทั้งคอสตูม เมคอัพ ฉาก โลเคชัน การดำเนินเนื้อเรื่องที่รวดเร็ว บทสนทนาของเด็กมัธยมปลายที่เป็นธรรมชาติ และ นักแสดงคุณภาพดีจาก Netflix ที่ทำให้เนื้อเรื่องดูน่าสนใจเพิ่มขึ้น โดยรวมก็โคตรชอบการเล่าเรื่องแบบนี้เลย แถมยังจิกกัดประเด็นทางเพศ และ ความแตกต่างทางชนชั้น ฐานะ ในสังคมไฮสคูลที่ภาพลักษณ์หรือชื่อเสียงในโรงเรียนเป็นเรื่องที่อ่อนไหวง่าย

หนังอาจดูโดดเด่นจากพล็อตตั้งต้น Fate The Winx Saga แต่ก็ยังไม่หนีจากสูตรสำเร็จในหนังแนวนี้ที่ถึงช่วงหนึ่งหลังการแก้แค้นสุดแสบสันสะใจคนดู (ที่เอาจริงก็ยังไม่ค่อยรู้สึกสะใจเท่าไร อาจด้วยเรตที่มันเป็นหนังใส ๆ วัยรุ่นด้วย) เราก็คาดหมายได้ว่าที่สุดสองเพื่อนซี้เฉพาะกิจจะต้องมีดราม่าผิดใจกันแล้วไปคลี่คลายใจเพื่อจบปัญหาทั้งหมดอีกทีในท้ายสุดแบบสวย ๆ

แต่โรบินสันก็พยายามดิ้นท่ายากอีกตลบหนึ่งเพื่อบอกว่านี่ไม่ใช่หนังวัยรุ่นที่เดาทางง่ายเบอร์นั้นหรอกนะ และ ทำให้อะไร ๆ ที่เล่าผ่านมาเริ่มดูย้อนแย้ง และ ไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถามว่าน่าสนใจมั้ยก็ทำให้จากหนังวัยรุ่นดูฆ่าเวลาแล้วลืมกันไป พอได้มีอะไรให้ติดคาในใจอยู่บ้าง แต่วิธีการเพื่อให้คนดูประทับใจนั้นก็กลายเป็นรสที่ไม่ค่อยเข้ากันดีกับวิธีการเล่าที่ดำเนินมาแต่แรกนัก

อีกมีจุดหักมุมที่คนดูต้องร้องว้าวเลย และ ถ้าใครเป็นแฟนคลับบ้านสตาร์กจาก got เราจะได้มองเห็น Sophie Turner จากบทซานซ่า สตาร์ก มาร่วมแสดงในบทคนที่โดนใส่ร้ายจนต้องออกจากชมรม และ ต้องเข้ารับการบำบัดเพราะชีวิตพังจากการโกหกของสุดแสบเดรอาด้วย

และ ด้วยความยาวของหนังเกือบ 2 ชั่วโมง ตลอดเวลาการดูก็ได้แต่ยิ่งสงสัยว่าหนังจะเอาตัวรอดจากความซับซ้อนวุ่นวายที่ผูกขึ้นมาเองได้อย่างไร และ น่าเสียดายที่หนังก็หาวิธีลงได้แบบฝืดเคืองสีข้างเล็กน้อย ซึ่งมันก็พอรับได้ถ้ามันไม่รวบรัดตัดความ ก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตัวละครไปแบบรวดเร็วเพื่อให้ทันกับเวลาที่เหลือไม่มากของหนัง เพราะดันเอาเวลาส่วนใหญ่ไปเล่นท่ายากหักมุมหลายตลบ และ พยายามสร้างฉากมาอุดบาดแผลที่มันเกิดขึ้นไปเสียแล้ว

รีวิว do revenge

รีวิว do revenge สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ผมเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ปล่อยตัวอย่างออกมา Drifting Home แค่ตอนเห็นว่ามี Maya Hawke จาก Stranger Things แสดงนำ ผมก็ตั้งตารอ และ อยากดูมาก ๆ แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาดี หวังแค่ว่าคงดูได้เพลิน ๆ ตามแบบฉบับหนังไฮสคูลทั่วไป แต่ปรากฎว่าหนังมันดีเกินกว่าที่คาดไว้พอสมควร และ มีดีในหลาย ๆ ด้านเลย เริ่มที่บทกันก่อน สำหรับบทของเรื่องนี้นับว่าเขียนมาอย่างดี

แม้ว่าพล็อตหลัก ๆ จะดูไม่มีอะไรมาก แต่ก็เขียนออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง มีการสลับขาหลอกหักมุมคนดู และ สิ่งที่ชอบมาก ๆ เลยคือรายละเอียดต่าง ๆ ที่ใส่ใจพอตัวเลยก็ว่าได้ เพราะตัวละครทุกตัวมีมิติมาก มีเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครให้เราได้เห็น รวมถึงไดอะล็อกที่แสดงออกให้เห็นถึงนิสัยใจคอของตัวละครนั้น ๆ

คือหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นให้เราดูฉากเวอร์วังอะไรนาน ๆ เขาไปเน้นที่การเล่าเรื่องเป็นหลัก คือเรื่องราวมันเยอะแต่ว่าใช้การดำเนินเรื่องเร็ว ๆ แทน ซึ่งเรื่องราวที่ปูมาก็มีความหมายทั้งสิ้น ไม่ได้เล่าทิ้งเล่าขว้างเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าทำไมหนังถึงได้ยาวไป 2 ชั่วโมงกว่า แต่พอดูแล้วก็เข้าใจได้เลย เพราะเรื่องราวมันค่อนข้างซับซ้อน แถมยังครบรส มีทั้งดราม่า ตลก เสียดสีสังคมยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นอีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนลองเปิดใจดู

บทสรุป

เป็นหนังเกือบ 2 ชั่วโมง ที่สนุก และ ไม่น่าเบื่อเลย มีการเล่นเรื่องประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ และ ความแตกต่างของฐานะรวมถึงสอนเด็ก ๆ This is 40 Netflix ไม่ให้ cyber bully หรือเป็น soft power ให้เราออกห่างจากวัฒนธรรม Pop ที่สอนให้คนเราทำตัวใจร้ายต่อกันในวัยเรียนช่วงมัธยมปลายเพื่อไม่ให้โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว คิดแต่เรื่องของตัวเอง และ เป็น toxic abusive ที่ไม่เหลือใครในชีวิตนอกจากตัวเอง และ คนที่เคยวาดรูปเราเป็นปีศาจร้ายในห้องเรียนศิลปะบำบัด

หลังจากดูจบ ผู้เขียนรู้สึกได้กับตัวเองเลยว่าชีวิตในไฮสคูลเป็นเรื่องยาก และ ทุกอย่างเป็นเรื่องอ่อนไหวง่ายไปหมด และ ทุกคนก็สนใจแต่เรื่องปลอม และ คบกันแค่เปลือกนอกเท่านั้น บางครั้งเราก็ทำตัวใจร้าย และ ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของคนที่โดนเราบูลลี่ในวัยเด็กแล้วคนทำจำไม่ได้แต่คนโดนจำไม่ลืม

คล้าย ๆ กับรอยสักมิตรภาพ แต่เป็นรอยสักที่สลักอยู่ในใจ และ ไม่มีทางลบออก ตอนที่ดูบอกตรง ๆ ว่าไม่ได้เตรียมใจจะมองเห็น Maya Hawke รับบทเลสเบี้ยน และ จูบผู้หญิงในหนังเรื่องนี้เลย เป็นหนังที่สนุกมาก ๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *