รีวิว Ambulance

รีวิว Ambulance

รีวิว Ambulance

สวัสดีครับ ในปีนี้ มีหนังน่าดูออกมามากมาย หนังใหม่แนะนำ แต่แอดจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ควรพลาดเลย เพราะว่าเสด็จพ่อแห่งหนังแอ็กชันอย่างป๋า ‘ไมเคิล เบย์’ (Michael Bay) หลังจากฝากความโหดในภาพยนตร์ Netflix Original ‘6 Underground’ (2019) เอาไว้ได้อย่างโหด ปีนี้ป๋าขอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผลงานภาพยนตร์แอ็กชันวินาศสันตะโรเรื่องใหม่ล่าสุด ‘Ambulance’ หรือ ‘ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก’

ซึ่งเป็นผลงานที่หยิบเอาเค้าโครงเรื่องจากต้นฉบับภาพยนตร์ของประเทศเดนมาร์ก ‘Ambulancen’ (2005) มารีเมกใหม่ให้กลายเป็นภาพยนตร์แอ็กชันสุดระทึก ภายใต้มาตรฐานระเบิดเขาเผากระท่อมสไตล์ป๋าเบย์ หรือที่มีศัพท์ที่บัญญัติเรียกเป็นการเฉพาะว่า ‘Bayhem’ นั่นแหละ เว็บดูหนัง

รีวิว Ambulance

รีวิวหนังใหม่ เรื่องราวของ ‘Ambulance’ เริ่มต้นด้วย ‘วิลเลียม ชาร์ป’ (Yahya Abdul-Mateen II) อดีตทหารผ่านศึกที่กำลังกลุ้มใจ เพราะต้องหาเงินจำนวนมหาศาลมาจ่ายค่ารักษาผ่าตัดภรรยา ด้วยความมืดแปดด้าน เขาจึงจำใจขอความช่วยเหลือจาก ‘แดนนี ชาร์ป’ (Jake Gyllenhaal) พี่ชายบุญธรรมและอาชญากรมืออาชีพ แดนนีจึงเสนองานปล้นธนาคารใหญ่ยักษ์กลางเมืองลอสแองเจลิส เพื่อหวังครอบครองเงินจำนวนสูงถึง 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แต่แล้วเรื่องก็เริ่มบานปลาย ทำให้ทั้งคู่ต้องหลบหนีด้วยการจี้รถพยาบาล เพื่อใช้ขับหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทั่วเส้นทางถนนของเมืองลอสแองเจลิส โดยมี ผู้ป่วยตำรวจที่กำลังบาดเจ็บสาหัส และ ‘แคม ธอมป์สัน’ (Eiza González) เจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินติดรถมาเป็นตัวประกันด้วย ทั้งคู่จึงต้องซิ่งรถพยาบาลคันนี้เพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ระดมทั้งรถและเฮลิคอปเตอร์ออกไล่ล่า และแถมยังต้องรักษาชีวิตของตำรวจเอาไว้ให้ได้ เพราะไม่งั้นอาจถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฏหมายเอาได้ง่าย ๆ

รีวิว Ambulance

ณ ตอนที่หนังเข้าฉายนี้ ผู้เขียนเองยังไม่ค่อยแน่ใจเรื่องตัวเลขทุนสร้างของเวอร์ชันไมเคิล เบย์นะครับ แต่ถ้าจะให้เทียบ ผู้เขียนคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นหนังฟอร์มใกล้เคียงกับ ‘6 Underground’ (2019) นั่นแหละ ซึ่งถ้าจะให้เทียบกับ ‘Ambulancen’ ต้นฉบับหนังของเดนมาร์ก ซึ่งจริง ๆ แล้วเนี่ย มันเป็นหนังคอมมีดี้แอ็กชันที่โปรดักชันก๊องแก๊งสุด ๆ เลยนะครับ ไม่แน่ใจว่าป๋าแกไปเห็นแววได้ไง

แต่ก็นั่นแหละครับ สายตาและวิสัยทัศน์แบบป๋าเบย์ซะอย่าง สามารถอัปเกรดจากหนังบ้าน ๆ ให้กลายเป็นหนังฟอร์มปานกลางที่จัดหนักด้านเอฟเฟกต์แท้ ๆ ไม่พึ่งพาซีจีแบบหนักมือ และอัปเกรดบทให้กลายเป็นแอ็กชันซีเรียส ตาามแบบฉบับมาตรฐานหนังระเบิดเขาเผากระท่อมของไมเคิล เบย์ จนแทบจะลืมหนังต้นฉบับก๊องแก๊งเรื่องนั้นไปเลยแหละ (555)

ในแง่ของบท อย่างที่บอกว่า ป๋าเบย์ยังคงเน้นแอ็กชันแบบหนักมือ แต่ก็ดีตรงที่ไม่ได้ละเลยเนื้อหาไปเสียทีเดียว ในองก์แรกจึงเน้นหนักไปที่การเล่าปูพื้นเรื่องราวเพื่อให้คนดูซึมซับความเป็นหนังคู่หู หรือ Buddy Film ไว้เนิ่น ๆ ตั้งแต่ความลำบากของวิลเลียมในการหาเงินมาผ่าตัดภรรยา มุมมองของคนปฏิบัติหน้าที่พยาบาลฉุกเฉินในแบบของแคม (แคมิล)

เรื่องราวความเป็นพี่น้องของแดนนีกับวิลเลียม ที่แม้ว่าจะเป็นพี่น้องบุญธรรมที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทั้งคู่ก็มีชีวิตที่ค่อนข้างจะสวนทางกัน แดนนีเติบโตมาเป็นอาชญากรตามรอยพ่อแบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย ส่วนแดเนียลกลับเลือกที่จะไปเป็นทหาร และกลายมาเป็นทหารผ่านศึกที่เชี่ยวชาญปฏิบัติการทางการทหารเป็นอย่างดี ดูหนัง

รีวิว Ambulance

จนกระทั่งเมื่อทั้งคู่มาร่วมปฏิบัติภารกิจปล้นธนาคาร แม้เหตุการณ์จะเดินเรื่องได้ค่อนข้างกระชับฉับไว แต่ตัวหนังก็ยังให้เวลาเต็มที่กับปฏิบัติการปล้นครับ พูดง่าย ๆ ก็คือ องก์แรกนี่คือแทบจะ No Action เลย พร้อม ๆ กับการใช้บทสนทนาของตัวละครในการค่อย ๆ ให้รายละเอียดปูมหลัง จนกระทั่งสัญญาณแรกมาถึง ตัวหนังถึงค่อยกระทืบคันเร่ง

ก่อนจะออกสตาร์ตด้วยแอ็กชันแบบต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อแดนนีและวิลเลียมปล้นรถพยาบาล ออกไปซิ่งบนถนนเพื่อหลบหนีการจับกุม ตัวหนังจึงค่อย ๆ เพิ่มซีนแอ็กชัน งานระเบิด รถชน งานวินาศสันตะโรบนถนน และฉากซิ่งหลบหนีขบวนรถและเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ ที่แห่กันมาไล่ล่ากันจนแทบไม่ให้ได้หยุดหายใจ

รวมทั้งการแอบแวะเล่นมุกตลกเบี้ยบ้ายรายทาง ซึ่งอันนี้ก็ถือว่าเป็นสไตล์ป๋าเบย์อีกนั่นแหละ เพราะขนาดเหตุการณ์กำลังเดือด ๆ ลุ้นกันมือแทบหงิก แต่ก็ยังสอดแทรกมุกจังหวะนรก หรือตลกกวนเบื้องล่างเข้ามาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้หน้าตาเฉย แถมด้วยบทสนทนากวนเบื้องล่างจี๊ด ๆ ไปอีกดอก ซึ่งก็ถือว่าแก้เลี่ยนแกล้มแอ็กชันระทึกได้ดีเลย แถมป๋าแกยังแอบใส่ Easter Egg เกี่ยวกับหนังที่แกเคยกำกับไว้ รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวแกเองเอาไว้ด้วยนะครับ ต้องลองหาดู

สรุป Ambulance

รีวิวหนังใหม่ ซึ่งพอตัวหนังให้รายละเอียดในการปูเรื่องไว้ค่อนข้างดี มันก็เลยส่งผลดีให้กับหนังในหลาย ๆ จุด ทั้งเรื่องราวดราม่าที่ปูและกลับมาเก็บกลับในตอนท้ายเรื่องได้โอเคเลย รวมทั้งการเห็นความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครพี่น้องอย่างแดนนีกับวิลเลียม ที่เราจะได้เห็นเรื่องราวความรักในครอบครัว การทำหน้าที่เจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินด้วยจิตวิญญาณ

รวมทั้งความสัมพันธ์ของพี่น้อง ที่ตัวหนังปูให้เราเห็นว่า ทั้งคู่แม้จะไม่ได้เป็นพี่น้องทางสายเลือด แต่ก็เป็นเหมือนพี่น้องจริง ๆ ที่ผูกพันรักใคร่กันมาตั้งแต่เด็ก แต่แม้จะรักใคร่กันแค่ไหน แต่ทั้งคู่ก็มีความขัดแย้งในแง่ของอุดมการณ์ที่สวนทางกัน กลายเป็นปม Conflict เล็ก ๆ ให้ได้ลุ้นว่าทั้งคู่จะตัดสินใจต่อไปยังไง ระหว่างชิ่งขนเงินหนี แล้วปล่อยให้ตำรวจตาย หรือจะช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากเหตุสุ่มเสี่ยงอันตรายไปพร้อม ๆ กัน เรียกว่าเป็นหนังที่จะทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วยทั้งฝั่งตัวเอก และฝั่งตำรวจไปด้วยพร้อม ๆ กันเลย

ซึ่งอันนี้ก็ต้องชื่นชมคุณ ‘เจก จิลเลนฮาล’ (Jake Gyllenhaal) ด้วยนะครับ ในฐานะที่ค่อย ๆ ระเบิดความคลั่งออกมาได้สุดพลังมาก ๆ คือก็คงไม่ถึงกับแบกหนังหรอกนะครับ แต่ว่าการแสดงของคุณพี่เค้า ทั้งมาดเจ้าเสน่ห์แพรวพราวในฐานะอาชญากรมือโปร และการระเบิดพลังคลั่งเครียดในรถพยาบาล ก็ต้องเรียกได้ว่าการแสดงของคุณพี่เค้าโดดเด่นออกหน้าออกตาจริง ๆ นั่นแหละ

และที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้นั่นก็คือนักแสดงสาว ‘ไอซา กอนซาเลซ’ (Eiza González) ผู้รับบทเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉิน ที่แม้จะร่วมตะลุยในเหตุบ้าคลั่งจนยับเยินไปหมด แต่ก็ต้องชมว่า เธอในชุดเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินนี่ช่างขึ้นกล้องและมีเสน่ห์ สมกับเป็นหนึ่งในนางเอกจักรวาลหนังป๋าเบย์จริง ๆ

อีกจุดที่ทำให้ตัวหนังที่แม้จะมีเล่าผ่านเหตุการณ์เดียวตลอดเกือบทั้งเรื่อง แต่ก็ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อก็คือ การที่ทั้งคู่เองก็พอจะมีทักษะด้านปฏิบัติการทางทหาร เพราะวิลเลียมเองก็เป็นอดีตทหาร ส่วนแดนนีก็มีกองหนุนไว้คอยช่วยเหลือให้ทั้งคู่หลบหนีได้อย่างสะดวก ทำให้ทั้งคู่จึงแอบใช้ปฏิบัติการทางทหารมาประยุกต์ใช้ในการหลบหนีตำรวจด้วย ทำให้การไล่ล่าจึงไม่ใช่แค่การซิ่งรถชนนั่นระเบิดนี่แต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างปฏิบัติการซิ่งหลบหนี กับปฏิบัติการไล่ล่าของตำรวจที่เรียกได้ว่ารู้ทันกัน และไล่ตามกันแบบสูสีแบบไม่มีใครยอมใคร

อีกฉากที่เรียกได้ว่าเป็นฉากไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ก็คือฉากผ่าตัดบนรถครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็แทบจะแกะแบบมาจาก ‘6 Underground’ (2019) มาเลยนั่นแหละ เพียงแต่ว่าในหนังเรื่องนี้ ด้วยความที่สถานการณ์ออกจะคับขันกว่ามาก ตัว ‘แคม ธอมป์สัน’ เองก็เป็นเพียงแค่พยาบาลฉุกเฉินที่ไม่มีความรู้ในการผ่าตัด แถมอาการของตำรวจที่โดนยิงก็อาการสาหัส เธอก็เลยจำเป็นจะต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อจะเอากระสุนออกจากม้าม ทั้ง ๆ ที่รถกำลังวิ่งซิ่งหนีการจับกุมอยู่ เอาจริง ๆ ถ้าจะเทียบกัน ฉากผ่าตัดในหนังเรื่องนี้ถือว่าทำได้ถึงกว่าครับ เรียกได้ว่านอกจากจะระทึกแล้ว ยังชวนให้เสียวสันหลังและแอบพะอืดพะอม (สำหรับคนที่กลัวเลือดแบบผู้เขียน) เข้าไปใหญ่เลย

ส่วนถ้าจะมีข้อสังเกตอยู่บ้าง ก็ต้องหมายเหตุไว้ก่อนนะครับว่า หนังแนว ๆ นี้ของป๋าเบย์ ก็เป็นหนังที่เน้นให้ความบันเทิงเป็นหลักนั่นแหละนะครับ ถ้าดูเอาเป็นความบันเทิง ก็ถือว่าเป็นหนังที่สนุกมากทีเดียว ทั้งฉากไล่ล่า มุกจังหวะนรก หักเหลี่ยมซ้อนแผน การช่วยชีวิตตำรวจที่ถูกยิงอาการสาหัส และฉากเอฟเฟคระเบิดตูมตามวินาศสันตะโร แต่ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ด้วยสายตาซีเรียส มันก็ยังพอจะเห็น Plot Hole เวอร์เกินจริงให้เพ่งเล็งได้ตลอดทั้งเรื่องนั่นแหละ

ทั้งเรื่องง่าย ๆ เช่นทำไมซิ่งรถกันขนาดนี้แล้วน้ำมันไม่หมดบ้างเหรอ ฉากผ่าตัดที่แม้จะชวนให้หวาดเสียว แต่ก็มีความเวอร์จนรู้สึกทะแม่ง ๆ ไปสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละคนที่เป็นแฟนหนังป๋าเบย์ ย่อมเข้าใจว่า ความเป็น Bayhem ก็คือองค์ประกอบ การตัดต่อ และความเวอร์วังอะไรทำนองนี้นี่แหละ ที่แฟนหนังชื่นชอบและเป็นเอกลักษณ์สำคัญของหนังไมเคิล เบย์ คือถ้าดูมันในฐานะหนังแอ็กชันบันเทิงแกล้มป๊อปคอร์น (บวกน้ำอัดลม) หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าสอบผ่านฉลุย

โดยสรุป ‘Ambulance ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก’ สำหรับแฟน ๆ หนังป๋าเบย์ ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ยึดความเป็น Bayhem เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน มีและทำทุกอย่าง อย่างที่หนังไมเคิล เบย์ควรจะเป็นจริง ๆ สำหรับคอหนังแอ็กชันสายแมส ก็ถือว่าเป็นหนังแอ็กชันที่ให้ความบันเทิงได้แบบไม่ต้องคิดอะไร ดูแล้วได้ลุ้น ระห่ำสะใจ รวมทั้งงานด้านภาพที่เฟี้ยวฟ้าวถูกใจคนรุ่นใหม่แน่นอน (ส่วนคนรุ่นเก่าแบบผู้เขียน ขอแอบเวียนหัวนิดนึงนะ (555) เว็บหนัง

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *