รีวิว คนเคยดัง
หนังฟอร์มเล็กที่โนเนมมากผู้กำกับ หนังมิวสิคเรื่อง ดูหนังฟรี อย่าง คนเคยดัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ เรื่องแรก Eddie Sternberg โดยเขาเขียนบท ดูหนังออนไลน์ ร่วมกับ Zak Klein ภาพยนตร์เรื่องนี้ เรื่องแรก แต่ด้วยเครดิตที่มาจากการทำหนังสั้น ภาพยนตร์แนวดราม่าสร้างแรงบันดาลใจเรื่องล่าสุดจาก Netflix ส ปอย หนัง กำกับโดย Eddie Sternberg ผู้กำกับหน้าใหม่ที่เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับแรกของเขา นับเป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้รับชมกัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวที่ดูเรียบง่ายไม่ได้ซับซ้อน หนังใหม่แนะนำ หรือน่าติดตามอะไรมากมาย แต่ก็แอบแฝงไปด้วยแง่คิด บรรยากาศที่แสนอบอุ่น และ ความสัมพันธ์ของคนต่างขั้วที่มีความฝันเดียวกัน
ตัวเรื่องเอาปมอดีตของพระเอกมาผูกเข้ากับเด็กหนุ่มออทิสติกส์ที่พึ่งพบเจอพรสวรรค์มือกลอง และ เข้าขากันอย่างมาก และ ก็เหมือนน้องชายเขาในอดีตที่เขาทำผิดพลาดไปนั่นเอง ซึ่งตัวเด็กก็มีปมว่าถูกแม่กั๊กไว้ไม่ให้ไปเรียนดนตรีจริงจังเพราะห่วงเรื่องการเข้าสังคมที่ขาดคนช่วยเหลือ แม่ของเขาเองถึงกับยอมทิ้งอาชีพนักเต้นมาเพื่อดูแลลูกด้วยเช่นกัน เมื่อมาเห็นพระเอกพยายามชวนลูกไปทำดนตรี เลยรู้สึกเขากำลังพาลูกไปเสี่ยงอันตราย แม้ลูกจะชอบสิ่งนี้ก็ตาม ซึ่งตัวเรื่องสร้างปมขัดแย้งของตัวละครได้ค่อนข้างดีเลย มีความน่าติดตามว่าเรื่องจะเคลียร์ปมต่าง ๆ นี้ได้อย่างไร แต่กลับพลาดตรงขยี้ดราม่าน้อยมาก ตัวเรื่องหาทางออกแบบเบา ๆ กับทุกเรื่องจนรู้สึกเหมือนเรื่องปูมาเยอะแต่จบแบบเบาหวิวสุด ๆ
รีวิว คนเคยดัง
รีวิว คนเคยดัง ชื่อเดียวกันพล็อตเดียวกันเข้าชิง และ ได้รางวัลมาหลายตัวใช่เล่น ลูกชาย สังข์ ทอง สีใส ซึ่งเน็ตฟลิกซ์ก็ยื่นโอกาสให้รีเมคสร้างใหม่เป็นหนังยาวเต็มตัว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็มีทั้งส่วนดีและไม่ดีผสมกัน I Used to Be Famous จะติดตามเรื่องราวของ Vince (รับบทโดย Ed Skrein) อดีตนักร้องบอยแบนด์ชื่อดังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันเขาเป็นเพียงนักร้องตกอับข้างถนนที่ยังคงใฝ่ฝันว่าจะกลับไปโด่งดังอีกครั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้บังเอิญไปพบกับ Stevie (รับบทโดย Lee Long) เด็กหนุ่มออทิสติกแต่ดันมีพรสวรรค์ในการตีกลอง เขามีความฝันที่อยากจะเข้าเรียนในวิทยาลัยดนตรี โดยทั้งคู่ได้มีโอกาสเล่นดนตรีด้วยกัน และเมื่อ Vince ได้เห็นฝีไม้ลายมืออันเหลือร้ายของ Stevie เขาก็เริ่มเข้าหาและทำความรู้จักกับ Stevie ก่อนที่จะชักชวนให้มาตั้งวงร่วมกันเพื่อไขว่คว้าหาความฝันของตัวเอง ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น
เนื่องจาก Stevie ป่วยเป็นออทิสติกซึ่งทำให้เขาไม่สามารถอยู่ต่อหน้าคนเยอะ ๆ หรืออยู่ท่ามกลางความวุ่นวายได้ และ Amber (Eleanor Matsuura) แม่ของเขาก็ไม่อนุญาตให้ Stevie ไปแสดงต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เพราะกลัวว่าอาการออทิสติกของเขาจะกำเริบ ด้วยเหตุนี้ Vince จึงต้องทำทุกวิถีทางให้ Amber ใจอ่อนและอนุญาตให้ Stevie ร่วมวงกับเขา
เรื่องย่อ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มด้วยความเรียบง่าย ประวัติดารา นักร้อง ด้วยการให้เราได้เห็นชีวิตที่ตกระกำลำบากของ Vince อดีตนักร้องวงบอยแบนด์ชื่อดังที่ปัจจุบันเป็นเพียงนักดนตรีข้างถนน ซึ่งอดีตเพื่อนของเขาก็ยังคงโด่งดัง และ เป็นตำนาน ต่างจากเขาที่แทบไม่มีใครจำหน้าได้ด้วยซ้ำ โดยการเปิดเรื่องแบบนี้ถือเป็นสไตล์ที่เราพบเห็นได้บ่อย ๆ
ถ้าให้บอกตามตรงเรื่องนี้ให้ความรู้สึกคล้ายกับ Begin Again (2013) แต่ต่างตรงที่เรื่องนี้ไม่ใช่นักร้องกับนักแต่งเพลง ทว่าเป็นนักดนตรีทั้งคู่ แถมพระเอกในเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรมากมาย เขามีเพียงความรักในดนตรี และ ความพยายามอย่างหนักเพื่อจะใช้ดนตรีหากินให้ได้
ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ
ทว่าสิ่งที่เราเห็นได้ชัดเลยคือ Vince เป็นตัวละครที่มีความมั่นใจพอสมควร การที่เขาเคยโด่งดังมาก่อนมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เขามีความมั่นใจว่าเขาจะกลับไปสู่จุดนั้นได้ จะเห็นได้ว่าในตอนท้าย ๆ Stevie ดูมีความกล้ามากขึ้น และ พยายามที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ส่วนในด้านของ Vince หลังจากที่พบกับ Stevie เขาเองก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนนี้ได้ทำให้เราได้เห็นว่าตัวละครในตอนท้ายมีการพัฒนามาจากตอนต้นเรื่องอย่างชัดเจน
ทว่าในด้านของ Stevie เขาเป็นเด็กมีปัญหาที่ไร้เพื่อน และ แทบไม่มีสังคม แถม Amber แม่ของเขายังเลี้ยงแบบไข่ในหิน กลัวแต่จะเกิดเรื่องเลวร้ายจนไม่ให้ลูกทำอะไรเลย ด้วยเหตุนี้ Stevie จึงเป็นตัวละครที่ขาดความมั่นใจ และ ขี้กลัว แต่เมื่อเขาได้สานสัมพันธ์กับ Vince และได้เล่นดนตรีด้วยกันนิสัยของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป อย่างที่บอกว่า Vince เป็นคนมั่นใจในตัวเอง และ มีพลังงานล้นเหลือ เขาได้ถ่ายทอดความเป็นตัวตน และ ความมั่นใจให้กับ Stevie
แต่แท้จริงแล้วลึก ๆ เขาก็มีปมที่หนักอึ้งอยู่ในใจ Stevie แต่ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือ แม้ว่า Vince จะมีพลังงานล้นเหลือ และ ดูชิว ๆ Stevie เป็นน้องชายทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูมีจุดเชื่อม และ น่าประทับใจมากยิ่งขึ้น เรียกว่าทั้ง Vince และ Stevie ต่างมีปัญหาเป็นของตัวเอง แต่เมื่อทั้งคู่ได้ต่อสู้ดิ้นรนด้วยกัน อุปสรรคต่าง ๆ ที่พวกเขาได้เจอนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่เติบโตขึ้น และ เข้าใจกันมากขึ้น แม้ว่าในตอนจบฝั่งฝันที่ว่าพวกเขาจะทำวงร่วมกันจนโด่งดังจะไม่สำเร็จ
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงอยู่ และ มันจะยังสวยงามตลอดไป ทั้งปมเรื่องน้องชายที่เขาไม่ได้บอกลาเพราะมัวแต่ทัวร์คอนเสิร์ต จนทำให้แม่เริ่มออกห่างจากเขา แถมชีวิตก็เจอแต่อุปสรรคไม่ประสบความสำเร็จเสียที แต่เมื่อเขาได้รู้จักกับ Stevie และ ได้เข้ากลุ่มดนตรีบำบัด เขาก็เริ่มเข้าใจโลกมาขึ้น และ เปลี่ยนความคิดของตัวเองไป แถมเขายังมองเหมือนว่า
นอกจากเรื่องเนื้อเรื่องแล้วนั้น บรรยากาศในเรื่องก็ทำออกมาได้ดี ส่วนในด้านการแสดงส่วนตัวมองว่าตัวละครหลักแสดงได้ดีทั้งคู่ Ed Skrein ที่รับบทเป็น Vince สามารถถ่ายทอดความเป็นนักร้องผู้ตกอับได้อย่างสมจริง ทั้งโทนสีของภาพในเรื่องและ มุมกล้องต่างก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม เพลงประกอบในเรื่องก็เพราะใช้ได้ ซึ่งต้องเข้าใจด้วยว่าตัวละครเป็นศิลปินข้างถนน เพลงที่แต่งออกมาจึงอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือสมบูรณ์อะไรมาก แต่ก็ไม่ได้แย่จนถึงกับฟังไม่ได้
ซีนดราม่าเขาก็ทำได้ดี ส่วนในด้านของ Lee Long ที่รับบทเป็น Stevie ก็แสดงอาการออทิสติกได้แบบพอเหมาะพอดี ไม่ได้เวอร์วังจนเกินไปเหมือนกับที่เราเคยเห็นในเรื่องอื่น และ ดูเหมือนว่านักแสดงจะเป็นออทิสติกจริง ๆ ด้วย ซึ่งต้องชื่นชมผู้กำกับที่ให้โอกาสเขาได้แสดงฝีมือ แถมตัวละครที่อยู่ในกลุ่มดนตรีบำบัดส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ป่วยจริง ๆ อีกด้วย
รีวิว คนเคยดัง
รีวิว คนเคยดัง ปัญหาของเรื่องหลัก ๆ อยู่ตรงตัวนักแสดงสำคัญที่เป็นเด็กออทิสติกส์ในเรื่อง ณิ ช ชา พัช ร์ สุรัสวดี ประวัติ ตัวเพลงคืออีกส่วนที่เรื่องนี้ทำได้ดีเลย ซึ่งในเรื่องนี้คือมุมนักดนตรีข้างถนนเล็ก ๆ มีเพลงแค่ 3 เพลงหลักในเรื่อง แต่ทุกครั้งที่เรื่องเข้าทำนองดนตรีธีมหลักของเรื่องก็ทำให้ฉากนั้นดูสนุกชวนอินเล็ก ๆ ไปกับความสำเร็จบ้าน ๆ ของวงพระเอกกับเด็กออทิสติกส์ได้ดีเลย ซึ่งก็แคสดาราใหม่มาเล่นเลยชื่อ Leo Long ซึ่งลุคดูเหมือนได้ แต่ความสามารถทางการแสดงเป็นเด็กออทิสติกส์กลับไม่ได้เลย ขาดความน่าเชื่อว่าเป็นจริงด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่เหมือน
แม้บทจะค่อนข้างส่งให้เขามีโอกาสแสดงความเป็นออทิสติกส์ที่ต้องมีปัญหาในชีวิตหลายครั้งเวลาเจอเสียงดังหรือผู้คนรบกวน ซึ่งพอนักแสดงเล่นไม่ได้เข้าไม่ถึง ก็เลยไม่ชวนอินกับบทนี้ไปด้วย อีกทั้งตัวแม่ของเด็กก็ยังคล้าย ๆ กันคือเป็นบทแม่ที่ต้องดูแลเด็กออทิสติกส์ แต่กลับเล่นไม่เหมือนไม่ชวนอิน จนทำให้ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าห่วงลูก กลับเป็นตัวละครที่คอยกันท่ารังเกียจพระเอกซะมากกว่า ซึ่งตัวพระเอก Ed Skrein เองเล่นได้ดีแล้วในบทนี้ด้วย แต่อารมณ์มันกลับส่งไม่ถึงกันกับบทเด็กออทิสติกส์ในเรื่องนี้นัก
บทสรุป
คนเคยดัง หนัง แนวดนตรีฟอร์มเล็กจากอังกฤษ Netflix เรื่องราวของหนุ่มใหญ่วัย 40 กว่าจน ๆ น้องเพลง ณิ ช ชา พัช ร์ สุรัสวดี ที่อดีตเคยเป็นสมาชิกบอยแบนด์วงดัง และกำลังพยายามพาตัวเองกลับเข้าวงการด้วยการแต่งเพลงใหม่ของตัวเอง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนมาพบกับเด็กหนุ่มออทิสติกส์ที่มีพรสวรรค์การเป็นมือกลองมาจับคู่กับเขาทำวงดนตรีด้วยกัน หนังแนวดนตรีจากผู้กำกับมือใหม่ที่ทำออกมาขาด ๆ เกิน ๆ ในหลายจุด มีปมของตัวพระเอกที่วางไว้ดีเลย แต่กลับไม่ขยี้ให้สุดกลายเป็นเคลียร์ง่าย ๆ เบา ๆ
ส่วนเพลงที่แม้จะน้อยแต่ก็ท่วงทำนองกับเนื้อร้องก็เพราะ แต่ไม่ถึงกับสุดมากเพราะในเรื่องเป็นแค่นักดนตรีข้างถนนเท่านั้น แต่ปัญหาของเรื่องที่ค่อนข้างแย่เลยคือ นักแสดงในบทเด็กออทิสติกส์มือกลองที่เล่นไม่เหมือนคนเป็นออทิสติกส์เลย ทำให้ตัวเรื่องขาดการบิ้วอารมณ์แบบที่ควรเป็นกับบทนี้ไปเยอะมาก และขาดการส่งอารมณ์ถึงตัวพระเอกที่เล่นได้ดีแล้ว แต่ถึงตัวหนังจะขาด ๆ เกิน ๆ แต่ก็ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายอะไร สามารถดูเพลิน ๆ ได้ มีเพลงเพราะ ๆ ตามสูตรได้อยู่ครับ
