รีวิว Jurassic World Fallen Kingdom
สวัสดีทุกๆท่านแฟนหนังไดโนเสาร์ทั้งหลาย หนังใหม่แนะนำ โดยทุกๆคนคงจำกันได้ในเหตุการ์ณภาคที่แล้วหลังจากเหตุการณ์สวนสนุกแตกในภาคแรก ไดโนเสาร์บนเกาะก็ถูกทิ้งไว้ตามธรรมชาติโดยไม่มีมนุษย์ไปย่างกราย แต่ภูเขาไฟเจ้ากรรมบนเกาะก็ดั๊นถึงคราวระเบิดอีก ร้อนถึงนางเอกจากภาคแรก รวมถึงพระเอกนักฝึกแรปเตอร์อย่าง โอเวน (คริส แพร็ตต์) ต้องกลับไปช่วยอพยพสิงสาราสัตว์ระดับตำนานทั้งหลายไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ซ้ำสอง อันเป็นที่มาของชื่อภาคอย่าง Fallen Kingdom นั่นเอง
ทว่าเบื้องหลังการอพยพครั้งนี้มันอาจไม่ใช่ความเมตตาอะไรแบบที่เหล่าตัวเอกเข้าใจ แต่กลายเป็นการถูกหลอกใช้จากนายทุนไปเสียอีก เพราะมันมีผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนเงื่อนบางอย่าง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่อย่าง อินโดแรปเตอร์ มาให้สยดสยองเพิ่มอีกต่างหาก เอาเข้าไปสิ แล้วหนังจะจบยังไงเนี่ย เว็บดูหนัง
รีวิว Jurassic World Fallen Kingdom
รีวิวหนังใหม่ Jurassic World: Fallen Kingdom หรือภาคต่อในชุดไตรภาคใหม่ฉบับรีแบรนด์ของ Jurassic Park (1993) ที่กลับมาครั้งนี้ได้เปลี่ยนผู้นำวิสัยทัศน์มาเป็นผู้กำกับสายเอฟเฟกต์ดราม่าอย่าง เจ.เอ. บาโยนา ที่เคยมีผลงานชั้นดีอย่าง The Impossible (2012) หนังซึนามิที่มาถ่ายในไทย และล่าสุดกับ A Monster Calls (2016) ที่เคยทำหัวใจใครหลายคนสลายมาแล้ว ตรงนี้ก็ถือว่าเชื่อชั้นฝีมือได้ว่าหนังไม่ออกอ่าวตังเกี๋ยแน่นอน ส่วนผู้กำกับคนเก่งจากภาคแรก Jurassic World (2015) อย่าง คอลิน เทรโวร์โรว์ ก็ไปทำหน้าที่เขียนบทร่วมกับหนึ่งในทีมเขียนบทของภาคแรกอย่าง เดเรก คอนนอลลี่ แทน โดยได้พ่อมดต้นตำหรับอย่าง สตีเฟ่น สปีลเบิร์ก มานั่งอำนวยการสร้างเช่นเคย
สิ่งที่แตกต่างอีกอย่างสำหรับภาคนี้คงเป็นการสูงสุดคืนสู่สามัญ เมื่อทีมสร้างวางวิสัยทัศน์ในการใช้ แอนิเมทรอนิกส์ (Animatronics) หรือเทคนิคหุ่นกลไกเสมือนจริง เข้ามาใช้ในการถ่ายทำแบบครึ่ง ๆ กับเทคนิคกราฟิกคอมพิวเตอร์ CGI เหมือนสมัยที่ Jurassic Park ภาคแรกเคยทำไว้ก่อนจะโดน CGI กลืนกินเกลี้ยงในภาคหลัง ๆ ตรงนี้ก็ทำให้ได้งานภาพระยะใกล้ที่มีเสน่ห์สมจริงแบบไม่หลอกตาผู้ชมเลยทีเดียว และอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำครั้งแรกในแฟรนไชส์นี้ก็คือการถ่ายภาพด้วยอัตราส่วนจอกว้างกว่าเดิมอย่าง 2.39:1 ซึ่งมากสุดที่หนังจูราสสิกเคยถ่ายมา ด้วยเหตุผลว่ามันจะสามารถรองรับภาพไดโนเสาร์จำนวนมาก ที่ภาคนี้โอ่ไว้ว่าจะมีไดโนเสาร์มากที่สุดด้วย คือทีมสร้างคิดงานมาละเอียดดีเลยล่ะ
ต้องเล่าย้อนว่าส่วนตัวไม่ค่อยชื่นชมไตรภาคใหม่นี้ ตั้งแต่ Jurassic World แล้วนะ เพราะมันคือการก๊อปแล้วพัฒนาจาก Jurassic Park มามากเกินไป ความรู้สึกเหมือนที่ Star Wars: Episode VII – The Force Awakens (2015) ก๊อปการเดินเรื่องมาจาก Star Wars: Episode IV – A New Hope (1977) นั่นล่ะ ไม่รู้เป็นเทรนด์หนังรีแบรนด์ในปี 2015 หรือเปล่านะเนี่ย คือมันดีในแง่ความแข็งแรงของโครงเรื่องที่พิสูจน์ผลมาแล้วและมนต์เสน่ห์แบบนอสตัลเกียล่ะ แต่มองในแง่ความสร้างสรรค์สดใหม่มันกลายเป็นกระทืบเท้าอยู่กับที่ แค่กระทืบแรงขึ้นเท่านั้นเอง คือต้องเข้าใจนะว่าค่ายหนังกำลังรีแบรนด์ของเก่าเพื่อเอามาขายเด็กรุ่นใหม่ มันเลยจะทำงานมากกับคนที่ไม่เคยดูหนังไตรภาคเดิมมาก่อน
และกับประเด็น Fallen Kingdom อิงโครงงานเก่า มันก็อาจไม่ใช่ข้อหาที่เกินเลย ถ้าจะมองมันเทียบกับภาคต่อ Jurassic Park อย่าง The Lost World: Jurassic Park (1997) ที่ทะลึ่งเนื้อหาไปคล้ายกันเข้าอีก ทั้งการที่สวนสนุกถูกทิ้งรกร้าง เหล่านักวิทยาศาสตร์และทหารต้องการกลับเข้าไปจับไดโนเสาร์มา แต่ฝ่ายหนึ่งเล่นไม่ซื่อต้องการจับกลับไปเพื่อผลประโยชน์ จนหนังครึ่งหลังกลายเป็นหนังไดโนเสาร์ถล่มเมืองไปเสียฉิบ มองแบบนี้ Fallen Kingdom เพิ่มแค่ภูเขาไฟระเบิดมาในครึ่งแรกเท่านั้นเอง ยิ่งการที่มีดารานำจาก The Lost World อย่าง เจฟ โกลด์บลัม มารับเชิญในบทเดิม ดร.ไอแอน มัลคอล์ม อีก ยิ่งตอกย้ำภาพพงานก๊อปแบบคารวะงานเดิมเข้าไปใหญ่ คำถามคือแล้วที่เหลือมันเพียงพอให้หนังมันน่าจดจำไหม? ดูหนัง
Jurassic World Fallen Kingdom
รีวิวหนังใหม่ นี่คือหนังตามสูตรสำเร็จแบบไม่อายใคร ที่จะบอกเลยว่าจะเล่าแบบนี้ ๆ ๆ แบบที่คุณ ๆ คุ้นเคยนั่นล่ะ บางฉากคุณน่าจะเดาได้ล่ะ แต่ผมไม่สนใจไง ตราบใดที่มันทำให้คุณบันเทิง คุณสนุก คุณลุ้นจิกเบาะ คุณตื่นเต้นหัวใจพองโต นี่คือหนังบันเทิงแบบนั้นล่ะ แบบที่เด็กรุ่นใหม่ไปดูต้องกรี๊ดต้องบอกต่อให้คนอื่นไปดู หนังประสบความสำเร็จดีมากครับ หนังสนุกของจริงเลยทั้งแอ็กชัน ทั้งขำแบบพอดีไม่ทำลายบรรยากาศ การแสดงที่ไม่เว่อจนผู้ชมไม่อิน เอฟเฟกต์สุดเร้าใจ ความสยองขวัญกดดัน ความซาบซึ้งตรึงใจ ดราม่า คือมีครบรสจริง
คุณภาพงานสร้างเทคนิคโน่นนี่นั่น การแสดง บลา ๆๆ ให้ 8/10 ครับ ส่วนใหญ่มาจากเทคนิคแอนิเมทรอนิกส์กับการแสดงที่ลื่นไหลฮาพอดี ๆ รวมถึงความไฉไลของหนูเมซี่ (ว่าที่นางเอกภาคต่อ ๆ ไป) ในเรื่องด้วย เพราะตัวซีจีนั้นพูดแบบไม่เกรงใจคือ การประสมรวมกันกับคนและฉากยังไม่เนียน การให้แสงโมเดลไดโนเสาร์ลอยจากฉากเยอะโดยเฉพาะช่วงภูเขาไประเบิด
ส่วนที่เสียไปของหนังอีกอย่าง คือการที่หนังต้องสนุกเมามันมีความระทึกตลอดทุก ๆ หน่วยวินาที จนถึงหน่วยนาที จนต้องยอมละเลยความสมเหตุสมผลของการกระทำหลายอย่าง (บางครั้งเราด่าตัวละครว่าไอ้โง่ได้เต็มปากด้วย) ความบังเอิญ ความซวย ความโชคดี แบบไม่อิงที่มาที่ไป เพราะหนังจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับการเชื่อมความสมจริงพวกนั้นอีกแล้ว
ตรงนี้เลยพูดว่าหนังดีได้ไม่เต็มปาก เป็นหนังสนุกแต่ไม่ใช่หนังดี ยกตัวอย่างฉากหนึ่งที่มีตัวละครหนีเข้าลิฟต์ทัน เจ้าแรปเตอร์ที่ตัดใจก็หันหลังแล้วหางบังเอิญไปฟาดปุ่มเรียกลิฟต์พังจนประตูลิฟต์เปิด ถ้าเป็นหนังที่คิดมาดี แรปเตอร์อาจมองหารอบๆลิฟต์ว่าจะเข้าไปได้ไง สนใจแสงของปุ่มเรียกลิฟต์ด้วยความฉลาดของมัน คือหนังดีจะยอมเสียเวลาเพิ่ม 1 ช็อตที่อาจเติมเต็มใจไม่ให้คนดู ดูไปสงสัยไปจนไม่อิน ซึ่งไม่ใช่กับเรื่องนี้แน่ ๆ เพราะเขาเลือกความบังเอิญที่สนุกและเข้าใจง่ายสำหรับเด็กมากกว่า
อีกส่วนที่เสียดายมากคือ การที่ บาโยนา ผู้กำกับพยายามขับเน้นแง่มุมปรัชญาและดราม่าความขัดแย้งทางศีลธรรม แต่มันกลืนกลายมลายหายสิ้นไปโดยความเป็นหนังครอบครัวนั่นเอง เรารู้สึกตลอดว่าหนังมันกำลังจะไปถึงแบบตระกูล Rise of the Planet of the Apes (2011) อยู่แล้วนะ แต่มันไปไม่ได้และไม่ยอมไปเพราะพลอตวิธีการเล่ามันคือหนังเด็กนั่นล่ะ น่าเสียดายที่คำพูดคม ๆ ฉากดราม่า ๆ มันไม่ถูกนำมาใช้สมศักยภาพของมัน แต่ก็เชื่อว่าถึงมันจะเป็นหนังที่ดูจบ ๆ ไปไม่มีอะไรจดจำ แต่มันจะทำเงินมหาศาล และเป็นกระแสปากต่อปากในช่วงอายุการฉายของมันแน่ ๆ ครับ เว็บหนัง
ชื่อภาพยนตร์: Jurassic World Fallen Kingdom / จูราสสิค เวิลด์ อาณาจักรล่มสลาย
ผู้กำกับภาพยนตร์: J.A. Bayona
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Colin Trevorrow, Derek Connolly
นักแสดงนำ: Bryce Dallas Howard, Chris Pratt, Ted Levine, Jeff Goldblum, James Cromwell
ความยาว: 128 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/ , MPAA/PG-13
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 7 มิถุนายน 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Amblin Entertainment, Apaches Entertainment, Legendary Entertainment, UIP