รีวิว samaritan
นับเป็นหนังใหม่ที่ดีอีกเรื่องนึงของเฮีย ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เขา เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับแกเหมือนกัน หากพูดถึง หนังใหม่แนะนำ หนังแอ็คชั่นระดับบน ๆ แล้ว ผมต้องนึกถึงเขาเป็นคนแรก ๆ เลย เพราะเพราะฉะนั้น สำหรับผมและคนหลาย ๆ คน นี่นับเป็นหนังที่น่าจับตามอง ส ปอย หนัง นับตั้งแต่เห็น หน้าหนังแล้ว แค่ว่าเป็นหนังของ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ยอดนักบู๊ในยุคหนึ่งที่แม้จะโรยรา แต่ก็ยังมีผลงานแนวแอ็กชันให้ได้ชมไม่ขาดอย่างล่าสุดคือ ‘Rambo: Last Blood’ (2019) ยิ่งพอหายจากจอไปหลายปีเช่นนี้ การกลับมาเลยน่าสนใจทุกครั้ง แถมยังเป็นหนังพลอตซูเปอร์ฮีโรวัยเกษียณอายุในยุคที่หนังฮีโรครองเมืองเช่นนี้ก็ยิ่งน่าสนใจ
ท่ามกลางแวดล้อมในยุคที่วงการหนังถูกรายล้อมไปด้วยหนังประเภทซูเปอร์ฮีโร่ผลิตออกมาต่อเนื่องอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ถ้าหากว่าคุณยังไม่รู้สึกเอียนกับหนังแนวนี้ การมาอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของหนังฮีโร่เรื่องล่าสุดก็อาจจะสะดุดตาและสะกิดใจได้อยู่ไม่น้อย
เพราะคือ “Samaritan” หนังแอคชั่นฮีโร่เรื่องล่าสุดที่ได้แอคชั่นไอค่อนในตำนาน “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” มาผงาดในฐานะฮีโร่เต็มกายอย่างเป็นทางการ เมื่อคนอึด..มาเป็นฮีโร่ที่มีชุดประจำกาย มันจะออกมาเป็นอย่างไร?
รีวิว samaritan
รีวิว samaritan นี่คือผลงานหนังชิ้น Samaritan (2022 พากย์ไทย) ล่าสุดของผู้กำกับหนุ่มไฟแรง “จูเลียส เอเวอรี่” ที่เพิ่งแจ้งเกิดไปได้งดงามกับหนังปัง ๆ อย่าง Overlord เมื่อไปอีกปีก่อน คราวนี้เขาได้มาหยิบจับทำหนังฮีโร่ดูบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่หนังในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ที่เปรี้ยงปังอยู่ตอนนี้
แต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ท้าทายของเขา และ ผลงานเรื่องนี้เขาก็ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจในระดับหนึ่ง ถือว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์ และ ใส่ลายเส้นความเป็นหนังแอคชั่นที่มีโทนเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ได้อยู่
ถึงแม้ว่าหลาย ๆ องค์ประกอบในนี้จะยังขาดหายไปพอสมควรก็ตาม
หนังเรื่องนี้ได้ “บรากี เอฟ. ชุต” มือเขียนบทมือฉมัง ที่ก็เพิ่งแจ้งเกิดมาจากหนังชุด Escape Room ทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมา ก็ถือว่างานบทหนังของเขาออกมาได้ระดับที่ใช้ได้ ถึงบท และ รายละเอียดต่าง ๆ จะค่อนข้างตื้นเขินไปสักหน่อย
แต่การดีไซน์ และ จับโยงประเด็ดนั้นปมนู้นเข้ามาใส่เอาไว้ด้วยกัน เกือบจะทำออกมาได้ดี เพียงแค่ยังคงขาดเสน่ห์ที่ยังไม่ค่อยสามารถทำให้ตัวละครต่าง ๆ โดดเด่นขึ้นมาได้อย่างเด่นชัดนัก กลายเป็นบทหนังฮีโร่แบบง่าย ๆ เรื่อย ๆ เกือบจะไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นเลยเสียแล้ว
ยิ่งเรื่องนี้ได้มือเขียนบทอย่าง บราจี เอฟ. ชูต (Bragi F. Schut) ที่เคยมีผลงานอย่าง ‘Escape Room’ ทั้ง 2 ภาค รวมถึงทีวีซีรีส์แฟรนไชส์ ‘Ninjago’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมือเขียนบทที่มีไอเดียที่ชวนติดตาม ก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวในการจับคู่กันครั้งนี้
หนังเดินเรื่องผ่านสายตาของเด็กชายที่ชื่อ แซม นำแสดงโดยเจ้าหนู เจวอน ‘วอนนา’ วอลตัน (Javon ‘Wanna’ Walton) จาก ‘The Umbrella Academy’ ซึ่งเขาคลั่งใคล้ในเรื่องเล่าของสองพี่น้องยอดมนุษย์ฝาแฝดนาม ซามาริทัน และ เนเมซิส
จนนำไปสู่การแอบติดตามคนเก็บขยะชรานามว่า โจ ที่น่าสงสัยว่าคือซามาริทันในอดีต
เกร็ดหนัง samaritan
หนังปูปูมหลังเรื่องซูเปอร์ฮีโรนี้ให้เราแต่ต้นผ่านบทเล่าคล้ายนิทานในสายตาของแซม ซึ่งดีตรงเราเข้าใจมิติตัวละครได้เร็ว ทั้งปมดราม่าว่าพวกเขาในวัยเด็กเคยถูกรังเกียจจากผู้คนเพราะพลังที่มากกว่าคนทั่วไป จนนำมาซึ่งการลุกฮือขับไล่และจบด้วยความตายของพ่อกับแม่ของพวกเขาในเหตุเพลิงไหม้
ทำให้เนเมซิสเลือกทางที่จะล้างแค้นผู้คน และ ต้องปะทะกับซามาริทันที่เลือกทางช่วยเหลือผู้คน เหมือนสีขาวกับสีดำ จนเนเมซิสได้สร้างอาวุธแห่งความแค้นขึ้นมาเป็นค้อนที่สามารถฆ่าซามาริทันได้ นำมาสู่บทสรุปแสนเศร้าที่เนเมซิสตาย ส่วนซามาริทันก็เสียใจ และ หายตัวไปนับแต่นั้น
การเอาเด็กมาจับคู่กับฮีโรเกษียณที่อดีตมีปม และ ปัจจุบันไม่อยากยุ่งเรื่องของใครอีกแล้ว อาจไม่ใช่พล็อตใหม่มาก นึกไว ๆ ก็อาจคาดหวังไปหนังดราม่าเข้ม ๆ แบบ ‘Logan’ (2017) หรือถ้าไปทางหนังครอบครัวก็มีอีกหลายเรื่องเลยที่พอเทียบได้โดยแผลงไปทางสัตว์ประหลาดบ้าง มนุษย์ต่างดาวบ้าง
ซึ่งชูตกับเอเวอรีก็รู้ดีพวกเขามีทางเลือกการนำเสนอมากมาย ให้เป็นหนังดราม่าว่าด้วยเรื่องคนแก่ผ่านมุมมองของโจก็ได้ ให้ไปทางหนังแฟนตาซีติดตลกผ่านสายตาแซมก็ได้ หรือจะไปทางหนังซูเปอร์ฮีโรสมัยนิยมระเบิดเถิดเทิงหรือธริลเลอร์เข้มข้นชวนตั้งคำถามก็ได้ แต่สิ่งที่ผู้สร้างเรื่องนั้นน่าสนใจทีเดียว
แม้จะมีจุดเด่นที่ดีแล้วทั้งธีมและเคมีนักแสดง แต่ปัญหาที่มีคือหลายอย่างมันดูฝืน ยิ่งดีไซน์ของตัวละครฮีโรในชุดเกราะเหล็กที่ว่ากันตามตรงมันโบราณ และ เชยมากราวกับไปลอกฮีโรคนดำเรื่อง ‘Steel’ (1997) มายังไงยังงั้น การสร้างอาวุธค้อนที่พล็อตเหมือนแหวนของเซารอนก็ดูเป็นอะไรที่ยัดเยียดเข้ามาแบบไม่กลืนกับเรื่องแถมไม่เท่อีก
พลังของยอดมนุษย์ก็มีแค่พลังเหนือมนุษย์กับความอึด และ ฟื้นตัวได้ไวมันธรรมดาเหลือเกินในแง่ภาพ เหล่านี้เป็นจุดด้อยเมื่อพิจารณาว่ามันวางตัวเป็นหนึ่งในหนังฮีโรยุคปัจจุบันอันเห็นได้จากดีไซน์ฉากแอ็กชัน และ การเดินเรื่องต่าง ๆ
ความรู้สึกหลังรับชม
คือเอาจริง ๆ ถ้าให้พูดตามตรง และ ต้องขออนุญาตหยิบ samaritan ซับไทย มาเปรียบเทียบกับจักรวาลหนังซูเปอร์ฮีโร่ในปัจจุบันนี้ Samaritan ก็ถือหนังฮีโร่ที่นำเอาองค์ประกอบเด่น ๆ ของหนังจากทางฝั่งมาร์เวล และ ดีซีมายำรวมผสมกันเป็นหม้อเดียว ที่รสชาติอาจจะฝาด ๆ ไม่ค่อยแซบถึงทรวงสักเท่าไหร่ แต่ก็เห็นถึงกิมมิก และ ความพยายามเป็นอย่างดี
หนังใส่โทนความดาร์ก และ ดราม่าสไตล์หนังฝั่งดีซีเข้าไป มีการใช้ปมอาชญากรรมหม่น ๆ กับบรรยากาศอึมครึมเข้าไปใช้
แน่นอนว่าอีกหนึ่งจุดด้อยของ Samaritan ก็คงจะเป็นจังหวะการเล่าเรื่องที่ยังค่อนข้างขาดเสน่ห์ไป หนังมีโทนความเป็นอาชญากรรมที่ผนวกใส่ความเป็นเด็กเข้าไปผสม มันจึงกลายเป็นหนังที่คอนทราสกันเบา ๆ ระหว่างองค์ประกอบกันเอง ในขณะเดียวกันนั้น
โทนการเล่าเรื่องก็แทบจะราบเรียบ ไม่มีกราฟขึ้น ๆ ลง ๆ ให้รู้สึกเร้าใจได้เท่าไหร่ ดำเนินเรื่องผ่านไปเกือบจะเป็นชั่วโมง ก็ยังคงให้ความรู้สึกว่าหนังยังคงเล่าเรื่องปูทางเกริ่นยังไม่จบ ทั้งที่ดำเนินเวลาผ่านไปกว่าครึ่งแล้ว และ เมื่อถึงไคลแมกซ์ของเรื่อง อะไร ๆ มันก็ช่างเป็นสูตรสำเร็จที่รวบรัดตัดตอนเหลือเกิน ยังไม่ทำให้รู้สึกซึมซับอะไรสักเท่าไหร่
ส่วนทางด้านการแสดงนั้น อันนี้ไม่ได้น่าห่วงอะไรเท่าไหร่นัก ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ก็คือ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน แต่เรื่องนี้เขาก็พยายามที่จะสลัดภาพคนแกร่งแบบเดิม ๆ ออกไป
และ ถือว่าเขาก็ทำได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ถึงจะมีกลิ่นความเป็นร็อกกี้ และ แรมโบ้ติดมาอยู่นิดหน่อย แต่อย่างน้อย ๆ การดีไซน์การแสดงของเขาที่ใช้ดราม่าเข้ามาเสริมนั้น ก็แอบทำให้คนดูจดจำเขาในบทบาทใหม่ที่คือ ซามาริทัน นั่นเอง
ในขณะเดียวกันนั้น ก็หยิบเอาความโดดเด่นของฮีโร่บางตัวจากฝั่งมาร์เวลเข้าไปเป็นองค์ประกอบเสริมต่าง ๆ ให้กับตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ของหนัง ทั้งพื้นเพ และ พลังเหนือมนุษย์ต่าง ๆ รวมทั้งลีลาการต่อสู้และ อาวุธข้างกาย
ก็จะได้แรงบันดาลใจ และ ใช้จินตนาการในการประกอบรวมร่างกันเข้าไป กลั่นกรองออกมาเป็นฮีโร่ที่ชื่อ ซามาริทัน ที่ถึงจะเสียดายที่หนังเรื่องนี้่นั้น เรากลับยังไม่ทันได้มีโอกาสได้ทำความรู้จัก และ มักคุ้นกับการเป็นตัวเขาผู้นี้สักเท่าไหร่ เพราะอะไร ๆ ก็ดูล้น และ เบาเบางไปหมด
รีวิว samaritan
รีวิว samaritan หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ซิลเวสเตอร์ Samaritan Trailer (2022) เล่นในวัย 76 ปี แล้วก็เป็นค่ายหนัง Balboa Productions ของเขาเองด้วย นี่จึงเป็นโปรเจ็กต์ที่ปลุกปั้นโดยตรงจากซิลเวสเตอร์ โดยได้ Julius Avery เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ และ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวออสเตรเลีย ที่ไม่ได้มีเครชื่อเสียงนักมากำกับเรื่องนี้
แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นผลงานที่โอเคเลยไม่มีข้อตกบกพร่องอะไรมาก แม้จะเป็นหนังทำลงสตรีมมิ่งทุนไม่สูงนักก็ตาม
เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้วนั้น Samaritan ถือว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างมุมมองใหม่ ๆ ให้กับหนังฮีโร่ ถึงผลลัพธ์ที่ออกมานั้นอาจจะยังไม่ค่อยเวิร์กมากสักเท่าไหร่ เพราะยังพึ่งพาสูตรสำเร็จกับไอเดียที่ยังไม่ค่อยทำให้ผู้ชมรู้สึกว้าวอะไร
ยังติดกลิ่นอายความเป็นหนังฮีโร่ช่วงยุคพัฒนาแรง ๆ ในยุคต้นปี 2000s อะไรทำนองนั้นมาอยู่ มีกลิ่นอายหยิบยืมโทนหนังฮีโร่จักรวาลดัง ๆ มาผสมเข้ากับหนังอาชญากรรมทริลเลอร์เรื่องคลาสสิก ๆ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ดี แต่จังหวะการเล่าเรื่องยังค่อนข้างขาดเสน่ห์ไปอยู่สักหน่อย
บทสรุป
เป็นเรื่องราวของ แซม เด็กชายวัย 13 ปี ที่กำลังหมกมุ่น อยู่กับการหาตัวตนของซูเปอร์ฮีโร่ของเมืองแกรนิตซิตี้ ที่ถูกเล่าขาน ดู Samaritan (2022) ต่อมากันหลายปี อย่าง ซามาริทัน และ เมื่อเขาได้สังเกต และรวบรวมทฤษฎีต่าง ๆ ก็พบว่า โจ สมิธ คนเก็บขยะวัยดึกที่พักอยู่อะพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้าม เข้าข่ายที่ทำให้แซมสงสัยว่าเขาคนนี้จะเป็นฮีโร่ที่สาบสูญไปหลังจากเหตุความสูญเสียเมื่อ 20 กว่าปีก่อน
และ บัดนี้เมืองที่เริ่มเน่าเฟะด้วยอาชญากรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ มันยิ่งผลักดันทำให้แซมมีแพสชั่นที่อยากจะปลุกพลังให้ ซามาริทัน กลับมาผงาด และ จัดแจงเมืองนี้ให้สะอาดน่าอยู่ยิ่งขึ้น ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ลงสตรีมมิ่งที่ดูลงตัวในขอบเขตงบจำกัดกับการโชว์พลังที่ไม่ต้องพึ่ง CG อะไรมาก มีฉากโชว์พลังเล็ก ๆ เป็นระยะ ก่อนจบด้วยฉากใหญ่หน่อยตามสูตรกับมีเซอร์ไพรส์เรื่องนิด ๆ
แต่ก็ทำให้คนดูสนุกไปกับเรื่องได้พอสมควร โดยมีความสัมพันธ์ต่างวัยของตัวแซมกับโจเป็นดราม่าซึ้งนิด ๆ ช่วยทำให้เรื่องดูมีอะไรมากขึ้น แต่การได้เห็นซิลเวสเตอร์ในวัยนี้มาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่ง และ เชื้อชวนมาดูมากกว่าอย่างอื่นในเรื่องทั้งหมด ซึ่งใครเป็นแฟนนี่ห้ามพลาดเลยครับ