รีวิว wonder woman 1984
นับว่านี่เป็นหนังปี 2020 อีกหนึ่งเรื่องเลยที่หลาย ๆ คนจับตามอง และ เฝ้ารอคอย ซึ่งหนัง จักรวาลของ wonder หนังใหม่แนะนำ woman นี้ ก็โผล่ออกมาหลายต่อหลายเวอร์ชั่นแล้ว แต่วันนี้เราจะพาทุกคน ส ปอย หนัง รีวิว wonder woman 1984 ที่ว่ากันว่าเป็น ฉบับที่ดีที่สุด สำหรับฮีโร่หญิง ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี สุดแกร่งใน Wonder Woman 1984 นี้ ที่เหล่าสาวก ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ DCEU (DC Extended Universe) จะได้รับชมเรื่องราวภาคต่อ และ ขอบอกว่ามีเซอร์ไพรส์หลายอย่าง ที่ต้องจับตาดู ตั้งแต่วายร้ายหญิง สตีฟ กลับมาได้อย่างไร ชุดเกราะทองใหม่ และ เครื่องบินล่องหนนั้นมาจากไหน Wonder Woman 1984 ได้เลือกฉากของเรื่องให้เกิดขึ้นในยุค 80 เลยก็ว่าได้ ขอบอกว่าให้จับตาดูลุคของกัล กาด็อต ในยุค 80 สวยกราบมากแม่ ! ต้องยอม นอกจากการคอสตูมแล้ว ฉากในหนังอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตึก รถ สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ก็ออกแบบทำมาได้ดี สวยสุด ๆ ที่พาให้คนรุ่นเก่าได้หวนรำลึกถึงอดีต ที่มีสีสันสดใส จัดจ้านสะดุดจริง ๆ เราต้องไปติดตามดูกันในหนังนะครับบอกเลยห้ามพลาดจริง ๆ
สำหรับแฟน ๆ ซุปเปอร์ฮีโร่ WONDER WOMAN 1984 เข้าโรงภาพยนตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ และ แฟน ๆ ของคู่ไดอาน่ากับสตีฟ ห้ามพลาดเรื่องนี้เลยนะ เพราะหลังจากที่ได้ดูมาแล้วบอกเลยว่าอินมาก ความรักของคู่นี้จะได้เห็นในหนังเรื่องนี้เต็ม ๆ แน่นอนค่ะ และ ในหนังภาคนี้เราจะได้เห็นการใช้ชีวิตประจำวันของซุปเปอร์ฮีโร่อย่างวันเดอร์วูแมน ใครที่ชอบฮีโร่ตัวนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ตัวหนังมีเวลา 2.31 ชั่วโมง เพราะงั้นถึงซื้อตั๋วเต็มราคาแต่รับรองว่าคุ้มค่าเงินที่จ่ายแน่นอน
รีวิว wonder woman 1984
รีวิว wonder woman 1984 หนัง Wonder Woman ภาคแรกเมื่อปี 2017 ประสบความสำเร็จ อย่างสวยงาม เป็นหน้า wonder woman 1984 2020 พากย์ไทย เป็นตาให้กับดีซี คอมิกส์ เมื่อได้ทั้งเงินทั้งคำชม แม้อย่างหลังออกจะเป็นเรื่อง ‘เกินเหตุ’ อยู่บ้าง แต่ก็พูดได้เต็มปากว่า เป็นหนังในจักรวาลที่แผ่ออกไปของดีซี คอมิกส์ที่ดีที่สุดในตอนนั้น เมื่อผสมผสานการเป็นงานแฟนตาซี, หนังสงคราม, งานซูเปอร์ฮีโร, เรื่องโรแมนซ์ เคล้ากันได้ดี และ ดูสนุก
สามปีผ่าน สาวมหัศจรรย์กลับมาขึ้นจออีกครั้ง กัล กาด็อท เป็นไดอะนา พรินซ์/ สาวมหัศจรรย์เหมือนเคย, แพ็ตตี เจนคินส์ ผู้กำกับภาคแรกกลับมารับหน้าที่เดิม เพิ่มเติมด้วยการร่วมคิดเรื่อง และ เขียนบท เจนคินส์จับสาวมหัศจรรย์ไปอยู่ในยุค 80s
หรือให้ชัดเจนลงไปอีกก็คือปี 1984 ที่ในยามปกติเธอคือเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสถาบันสมิธโซเนียน ที่เพิ่งได้สาวท่าทางไม่มั่นใจในตัวเอง ดูเนิร์ด ๆ บาร์บารา มิเนอร์วา (คริสเทน วิก) เข้ามาทำงาน ทั้งคู่ร่วมกันตรวจสอบหินโบราณที่เอฟบีไอส่งมาให้ ซึ่งเป็นเป้าหมายของแม็กซ์เวลล์ ลอร์ด (เพโดร พาสคาล) นักธุรกิจน้ำมัน ที่ยิงโฆษณาทางโทรทัศน์ถี่ยิบชวนคนร่วมลงทุน โดยใช้ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์ ผู้ล่วงรู้ถึงอำนาจของหินโบราณก้อนนี้ ที่สามารถทำให้คำอธิษฐานเป็นจริงได้ แต่ก็จะต้องเอาบางอย่างจากผู้ขอกลับมา
เรื่องย่อ
หลังจากภาคแรกที่ สตีฟ คนรักของไดอาน่า หรือ วันเดอร์วูแมน ได้พลีชีพเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ชาติ ไดอาน่าก็ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และ รักษาระยะห่างกับผู้คนเรื่อยมา ใจยังคงรักสตีฟชายที่จากเธอไปนานแสนนาน กระทั่งวันหนึ่งสตีฟฟื้นคืนชีพกลับมา และ นำไปสู่การผจญภัยใหม่ ไดอาน่า และ สตีฟต้องปกป้องผู้คนอีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สตีฟฟื้นคืนชีพได้ยังไง
ความรู้สึกหลังรับชม
ภาคนี้กลายเป็นหนังที่ไม่ได้เน้นฉาก Wonder Woman (2017) ต่อสู้ใช้ความรุนแรง และ อีกนิดเดียวก็จะกลายเป็นรักดราม่าโลกแตกที่มีสิทธิเข้าชิงออสการ์ได้แล้ว กลับกลายเป็นว่าฉากบู๊เน้น ๆ สะใจที่อยู่ในหนังนั้น ได้เผยออกมาแทบจะทั้งหมดในทีเซอร์ตัวอย่างที่ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยกันในช่วงปีที่ผ่านมา และ กลายเป็นฉากต่อสู้ที่ไม่มีความน่าตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น
หนังยังใช้แคสติ้งนักแสดงได้แบบขาด ๆ เกิน ๆ การกลับมาของ “คริส ไพน์” ที่ทำให้แฟน ๆ หลายคนสงสัยว่าอะไรยังไงกัน แต่การมาปรากฏตัวของเขาไม่ต่างกับโผล่มาเป็นแค่นักแสดงรับเชิญ เพราะกลายเป็น สตีฟ เทรเวอร์ ที่ไม่มีกึ๋น และ บทชั้นต่าง ๆ ที่เป็นชิ้นเป็นอัน มาเป็นเพียงแค่ตัวเสริมเรื่องราวแต่เท่านั้น
ขณะที่ความโดดเด่นตกลงอยู่ในบท แม็กซ์เวล ลอร์ด ที่รับโดย “เปโดร ปาสคาล” กลายเป็นคาแรกเตอร์ที่เล่นใหญ่…ถึงใหญ่มาก ใหญ่แบบคับจอ บางครั้งก็ใหญ่เกินไปจนดูน่าหงุดหงิด และ รำคาญใจไปหน่อย
แต่ก็ถือว่านี่เป็นตัวละครที่มีมิติมากที่สุดในหนังภาคนี้แล้ว หนังเลือกที่ให้ความสำคัญกับคาแรกเตอร์มาก ๆ บางทีก็อาจจะมากกว่า วันเดอร์ วูแมน เสียด้วยซ้ำ แต่ต้องยอมรับว่า เปโดร ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีเช่นกัน
ช่วงเวลาของฉากแอ็คชันในครึ่งหลัง แม้จะมากันต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มี ‘ของ’ ที่ทำให้รู้สึกตื่นตา หรือมีเซอร์ไพรส์ มีหักมุม ให้สมกับเป็นหนังที่ว่าด้วยข้าวของของเทพแห่งการทรยศ จนดนตรีประกอบของฮานส์ ซิมเมอร์กลายเป็นของเล่นใหญ่มากกว่าภาพ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คลี่คลายง่ายดาย ไม่ต้องลุ้นใด ๆ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะตัวร้าย ทั้งแม็กซ์เวลล์ ทั้งบาร์บารา ต่างก็ไม่น่าหวาดหวั่นเป็นทุนเดิม ฉากพูดยาวเหยียดของสาวมหัศจรรย์ก็ปราศจากพลัง เร้าอารมณ์ไม่ได้
โดยรวมแล้วหนังอยู่ในระดับมาตรฐานของหนังซูเปอร์ฮีโร ให้ความบันเทิงได้พอประมาณ แต่ไม่สามารถพูดได้ว่านี่คือหนังซูเปอร์ฮีโรที่ สนุก จะด้วยปัญหาที่มาจากความพร่องด้วยฤทธิ์เดชพิษสงของตัวร้าย หรือสถานการณ์คับขันที่ตัวเอกต้องประสบ บวกกับความยาวที่เกินพอดี แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รู้สึกรื่นรมย์ได้ตลอดเรื่องก็คือความสวยระดับทะลุจอของ กัล กาด็อต
รีวิว wonder woman 1984
รีวิว wonder woman 1984 ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าหนังภาคนี้ Wonder Woman (2017 HD) ยาวถึง 2 ชั่วโมง 31 นาที ความรู้สึกเมื่อดูจบ ตอบได้ทันทีว่ายาวเกินไป เนื้อหาความตื่นตาตื่นใจไม่ได้อัดแน่นสมกับระยะเวลาของหนัง หลายตอนสามารถตัดทอนให้กระชับลงได้ และฉากแอ็กชันจริง ๆ ก็มีเพียงแค่ 3 ฉากเท่านั้น ย้ำชัด ๆ เลยว่าแค่ 3 ฉาก
แล้วไฮไลต์ส่วนใหญ่ก็นำมาขายในตัวอย่างหมดแล้ว ฉากไดอานาตอนยังเป็นเด็กที่ร่วมแข่งขันกีฬาสีตอนเปิดเรื่อง ฉากตะลุมบอนกับรถบรรทุกทหาร และ ฉากไคลแมกซ์ที่ต้องจัดการกับ 2 วายร้ายหลักของเรื่อง ไม่มีฉากโดดเด่นน่าประทับใจนอกเหนือจากที่เห็นในตัวอย่างหนัง
กราฟความระทึกของภาคนี้ค่อนข้างราบเรียบตลอดความยาว 2 ชั่วโมงกว่า มีบางช่วงที่แผ่วพอจะทำให้วูบหลับไปได้ ชวนให้กังวลแล้วล่ะว่ากับการที่วอร์เนอร์มั่นอกมั่นใจกับภาคนี้มาก ถึงขนาดเพิ่มทุนสร้างจาก 120 ล้านในภาคแรก มาเป็น 200 ล้านในภาคนี้ จะได้กลับคืนมาสมน้ำสมเนื้อไหม
น่าจะเป็นหนังฮีโร่ที่บรรดานักวิจารณ์จะพากันชื่นชอบ เพราะประเด็นที่ดี และ สัมผัสเข้าถึงจิตใจของคนดูเพื่อวิจารณ์ แต่ในอีกมุมหนึ่งแล้ว หนังอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ให้กับคนดูหนังทั่ว ๆ ไปได้เท่าที่ควร
เพราะพวกเขาต่างอยากจะเข้าไปดูความบันเทิงแบบไม่ต้องวิเคราะห์ใด ๆ สาดกระสุน-ปล่อยพลังนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็นในหนังมากกว่าในช่วงเวลานี้
และ เมื่อมองเป็นภาพรวมกว้าง ๆ จึงทำให้พบว่า Wonder Woman 1984 เป็นหนังที่โทนที่ค่อนข้างจำเจ ตามแบบฉบับหนังของดีซี แม้จะเห็นได้ว่าหนังพยายามฉีกไปในอีกทิศทาง แต่กลับกลายเป็นลืมเซอร์วิสแฟน ๆ ไปอย่างเสียดาย
จากหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ควรจะมีระเบิดตู้มตามแบบที่คนที่ตั้งใจหวัง กลายเป็นหนังสู้เพื่อรัก ถ้าหากว่า Batman v Superman เป็นตัวแทนพลังความรักจากแม่ที่สยบทุกเรื่องราวได้ ใน Wonder Woman 1984 ก็อาจจะเป็นตัวแทนพลังความรักจากพ่อก็ว่าได้
บทสรุป
Wonder Woman 1984 มีฉากหลังเกิดขึ้นใน wonder woman ค่ายไหน ปีที่อยู่บนชื่อเรื่อง เพราะเป็นช่วงที่สังคมกำลังเข้าสู่การพัฒนา และ การเปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางใหม่ ๆ หลายอย่าง ไดอาน่า พรินซ์ ยังคงใช้ชีวิตอย่างโดดเด่นมาหลายทศวรรษ หลังจากที่สงครามโลกสิ้นสุดลงถึง 2 ครั้ง และ ดูเหมือนสงครามครั้งใหม่กำลังจะปะทุขึ้นจากความโลภของคนคนหนึ่ง
อีกทั้งยังทำให้เธอได้เผชิญหน้ากับคนรักเก่าของ สตีฟ เทรเวอร์ อีกครั้งอย่างน่าประหลาดใจ
โดยสรุปแล้ว ไม่ได้เป็นหนังที่ย่ำแย่อะไรแต่อย่างใด เพราะหนังยังมีประเด็นที่แข็งแรง เพียงแต่หนังอาจจะเลือกใส่องค์ประกอบต่าง ๆ มาในจังหวะที่ยังไม่ค่อยลงตัวมากนัก และ อาจจะยังไม่ตรงใจคนดูหนังที่มีวัตถุประสงค์หลักที่จะมาดูฮีโร่คนโปรดของพวกเขา
แม้จะมีเรื่องราว และ ความที่ทรงพลังในภาคนี้ แต่ก็แอบน่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่สาวน้อยมหัศจรรย์กลับมาในครั้งนี้…ไม่เป็นที่น่าจดใจสักเท่าไหร่