รีวิว The Legend of Chen Zhen
รีวิวหนังใหม่ ในขณะที่เรากำลังรอหนังไทยอย่างอินทรีแดง ก็ได้มีหนังจีนเรื่องนึงถือกำเนิดขึ้นมา แซงทางโค้งเลยก็ว่าได้ เพราะหนังมันดีจริงๆแหละครับ ซึ่งกำลังจะเข้าฉาย ก็มีหนังจีนเรื่องหนึ่ง ตัวเอกใส่หน้ากากดำ แถมตั้งชื่อหนังว่า หน้ากากฮีโร่ ฮัดช่า!! จะมาท้าชนกับอินทรีแดงไทยหรือไร แต่คงไม่ เพราะวันฉายก็ห่างกันไกลอยู่ เหมือนกับเข็นออกมาทักทาย ให้คนได้รู้ว่า มีทั้งหน้ากากดำ-หน้ากากแดงนะจ๊ะ
แต่พอเหลือบไปดูโปสเตอร์อีกที ดอนนี่ เยน ขวัญใจของกระผมเอง โผล่มาเล่นเรื่องนี้อีกด้วย แถมด้วยผู้กำกับ แอนดรู เลา ที่ไว้ใจในเครดิตหนังเก่า 2คน2คม อินเฟอร์นอลอัฟแฟร์ ก็มั่นใจได้ว่า หนังนี่คงไม่ป๊อกแป๊กอะไรนัก แอนดรู เลา หยิบตำนานของนักสู้ชาวจีนท่านี้ออกมาเล่าใหม่ ในมุมมองที่ทันสมัย ทำให้เป็นซุปเปอร์ฮีโร่เลย เฉินเจิ้น เฉินเจิน เรียกอะไรดี หนังเก่ายอดนิยม
ก่อนไปดู ก็ทำใจไว้อย่างหนึ่งก่อนเลยว่า ไม่รู้จักเฉินเจิน ไม่เคยดูหนังบรู๊ซ ลี หรือหนังในสมัยที่เจ๊ทลี เคยเล่นเอาไว้ เอ่อ แล้วจะดูรู้เรื่องไหมเนี่ย แต่ก็อย่างว่า มีดอนนี่ เยน และเป็นหนังแอ๊คชั่น ก็น่าจะคุ้มเวลาที่ได้รับชม อย่างอื่นค่อยไปว่าทีหลัง
หนังฉายแบบจอกว้าง 2.35:1 ครับ กว้างเปิดสุด แนะนำชมในโรงใหญ่ ที่พูดถึงจอกว้างอยู่บ่อยๆ เพราะผมว่า เป็นไซส์ภาพที่เหมาะกับโรงภาพยนตร์ จอ LCD ที่บ้าน ก็ให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ จอใหญ่ และยาว และเวลาคุณเข้าโรงหนัง โรงใหญ่ โรงเล็ก ตังค์ก็เสียเท่ากันนะ ผมเลยมักจะเช็คดูว่า โรงใหญ่ของสาขานี้ฉายเรื่องอะไร แล้วก็เป็นอีกเหตุผลในการตัดสินใจเข้าไปชมภาพยนตร์ในโรงหนัง ดูหนัง
รีวิว The Legend of Chen Zhen
รีวิวหนังใหม่ เปิดฉากในยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่สงครามยุโรป ประเทศฝรั่งเศส ชาวจีนก็ได้เข้าไปช่วยสู้รบด้วย เฉินเจิน(ดอนนี่ เยน) ก็เป็นหนึ่ง ที่ไปร่วมสู้รบ ก็มีแต่ปืนกับมือนี่แหละ เหตุการณ์เปิดโอกาสให้เฉินเจิน ได้โชว์ฝีมือ สู้กันแบบเว่อร์ๆ มือเปล่ากับปืนนี่แหละ แต่ทันทีที่รัวหมัด โอ๊ววว ยิปมันอีกแล้ว แต่ถึงจะเก่งขนาดไหน ก็เก่งคนเดียว เพื่อนชาวจีนที่ไปร่วมรบกันก็เสียชีวิตไปมากมาย สงครามก็เป็นซะอย่างนี้
ตัดมาที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ยุค 1920 จีน ซึ่งถูกญี่ปุ่นยึดครองอยู่ เฉินเจิน ปลอมตัวมาเป็นนักธุรกิจ เพื่อแทรกซึมไปสู่สังคมชั้นสูง และเพื่อเข้าไปสืบข้อมูลเตรียมวางแผนโค่นล้มกองทัพญี่ปุ่น ก็สิงอยู่ไนต์คลับดังของเซี่ยงไฮ้ นาม คาซาบลังก้า ที่เอาไว้ให้คนชั้นสูงหย่อนใจจากภัยสงคราม? ดูหนัง
ระหว่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใครบ้าง ใครเป็นไส้ศึก ใครเป็นพวกเดียวกัน เฉินเจินไปหลงนักร้องสาวดาวประจำคลับอย่างกีกี้ (ซูฉี) โดยไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้นี่แหละ ว่าหล่อนมีอะไรซ่อนอยู่ พอตกกลางคืน เฉินเจินก็สวมหน้ากากดำ กระโดดโหยงเหยง คอยปกป้องพี่น้องชาวจีนที่โดนญี่ปุ่นข่มเหง ก็ได้โชว์สเต็ปมวยจีน และผู้กำกับก็ได้โชว์สไตล์ภาพที่หวือหวา อย่าพลาดฉากเปิดตัวหน้ากากดำท่ามกลางสายฝน และก็ตามมาด้วยฉากแอ็คชั่นอีกพอสมควร แต่ฉากนิ่งๆ สืบนั่นนี่ เยอะกว่า
ซีนที่ชอบคือ การดวลกับนักยูโดร้อยกว่าคน และมีเฉินเจินคนเดียว นึกภาพที่นีโอ โดนเอเจนท์สมิธเป็นร้อยรุมนั่นแหละครับ จะเก่งเทพไปไหน (ฉากแบบนี้ มีมาตั้งแต่สมัยหนังบรู๊ซ ลี แล้ว) เออแฮะ ฉากนี้เค้าทำบูชาหนังภาคก่อนรึเปล่า มันดูคล้ายๆกัน รวมไปถึงไคล์แมกซ์การดวลกับลูกของ อาจารย์ยูโด ที่ฝังแค้นเนื่องจากพ่อโดนเฉินเจินปราบ ไปในภาคก่อนนู้น วิญญาณบรู๊ซ ลี ก็เข้าสิง เสียงดัง จ๊ากๆๆๆ โหดและหนักแน่นด้วย
เป็นอีกครั้ง ที่ดูหนังแล้วเห็นถึงความน่ากลัว และเกรงขามอย่างประเทศญี่ปุ่น ประเทศเล็กๆ บนเกาะกลางทะเล แต่มีพลังอำนาจในการรุกรานประเทศอื่นได้ ยิ่งมารุกรานจีนแบบนี้ โอ้โห เก่งแฮะ ยิปมันนั่นก็ทีนึงแล้วนะ ดอนนี่ เยน นี่มีคู่ต่อสู้เป็นญี่ปุ่นอีกแล้ว
ผมเองเกิดไม่ทันเห็นความน่ากลัวของญี่ปุ่นครับ แล้วเวลาฟังคนอื่นๆเล่า ก็นึกภาพไม่ออกอยู่ดี ญี่ปุ่นเคยร้ายขนาดนี้เลยเหรอ โกโบริก็ออกจะใจดี แต่ภาพจากหนัง เวลาบ้านเมืองที่อยู่ในภาวะสงครามนี่ น่าหดหู่และหวาดกลัวชะมัด เดี๋ยวก็ระเบิดที่นั่น ที่นี่ อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย คนมีอำนาจรังแกประชาชน เล่นกันถึงตาย ผู้พิทักษ์บ้านเมืองก็ช่วยอะไรไม่ได้ และมีเฉินเจิ้นเพียงคนเดียว ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้อยู่ดี สิ่งสำคัญคือคนในชาติต้องรวมพลัง
รอบที่ได้ชม เป็นเสียงจีน และซับไตเติ้ลไทยแบบตอก (แบบที่ได้ดูตามโรงลิโด้นะ) ซึ่งจะตัวเล็กๆ บางๆ บางทีก็ขาวไปกับจอหนัง แล้วเรื่องนี้พูดกันเยอะซะด้วย ฉากที่แนะนำตัวละคร ฉากที่มีตัวหนังสือบรรยายภาพเหตุการณ์บนจอ ทำเอาอ่านซะแทบไม่ทัน ใครเป้นใคร มันมาแล้วมันก็หายไป และก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าขำนัก แต่หากได้ดูแบบพากย์ไทย ทีมพากย์คงเล่นซะขำกว่านี้ โรงฉายทั่วไปเป็นเสียงไทย มีแต่โรงเอมโพเรี่ยม เป็นเสียงจีนจ้า
นอกจากนั้น Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ยังมีน้ำเสียงชาตินิยมแบบค่อนข้างรุนแรงชนิดไม่ค่อยเห็นในหนัง (ที่ฟอร์มใหญ่ ๆ หน่อย) ในยุคนี้สักเท่าไหร่นัก ผู้กำกับยัดบทตัวร้ายอันแทบไม่มีความดีปรากฎให้กับประเทศญี่ปุ่นอย่างเต็ม ๆ แตกต่างกับหนังที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันในยุคนี้ (ที่เห็นชัดที่สุดก็คือ Fearless) ที่มักจะมีน้ำเสียงประเภทสมานฉันท์ปรองดอง (ที่บางคนเรียกว่า แทงกั๊ก ตีกิน) เป็นหลัก ดูหนังออนไลน์
อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าผมเห็นด้วยหรือคล้อยตามกับแนวคิดแบบใดนะครับ แต่ชอบอารมณ์อันไม่ประนีประนอมของ Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen (ที่เข้าใจว่า คงหวังกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก) ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของสงครามยุคโบราณ และยังทำให้หนังมีอารมณ์ใกล้เคียงกับหนังกังฟูยุคเก่าดี
สรุปหนัง The Legend of Chen Zhen
รีวิวหนังใหม่ สำหรับสาว ๆ ในเรื่อง (ที่ไม่ค่อยบทบาทเด่นอะไรสักเท่าไหร่) ซูฉี แสดงดีและสวยเหมือนเดิม แต่สำหรับผมเธอโดนขโมยซีนด้วยนักแสดงสาวรุ่นใหม่อย่าง ฮั่วซื่อเหยียน (รับบทแฟนสาวของ นายพลเจิ่น ที่รับเชิญโดยหยูเหวินเล่อ) ที่ออกมาแค่ 2 ฉากแต่ก็ยังเปร่งประกายสุด ๆ
หนังมีฉากแฟชลแบ็คถึงเหตุการณ์ใน Fist of Fury ภาคแรก (ยาสุอากิ คุโรตะ รับเชิญ) ถ่ายออกมาได้อารมณ์หนังยุคเก่าดี ฉากที่เฉินเจินรำลึกถึงอาจารย์ฮั่วหยวนเจี๋ย และสำนักเดิมของเขา ก็ยังทำออกมาได้น่าประทับใจทุกตอน โดยเฉพาะในการเสนออารมณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจของตัวเอง เมื่อเขาตัดสินใจลงสู่สงครามต่อต้านพวกต่างชาติ ที่เจ้าตัวรู้ว่าไม่มีทางชนะ
โดยรวมแล้วถ้านำกันในเรื่องความลงตัวกลมกลื่น Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ถือว่าด้อยกว่างานอย่าง Ip Man และ Fearless อยู่หนึ่งขั้น ผมเองดูไปสักประมาณครึ่งเรื่องแล้วก็ยังรู้สึกผิดหวังนิด ๆ แต่ในครึ่งหลังของหนังถือว่าทำคะแนนตีตี้นมาได้พอสมควร
เกร็ดเล็กน้อยสำหรับตอนจบของหนัง ตัวละครหญิงที่สวมชุดทหารญี่ปุ่นที่ปรากฎตัวในตอนใกล้จบ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็น คาวาชิม่า โยชิโกะ หญิงสาวเชื้อสายจีนญี่ปุ่นผู้มีบทบาทอยู่สูงต่อความขัดแย้ง และความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นและจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (เข้าใจว่าตัวละครของซูฉี ก็ได้รับอิทธิพลบางประการมาจากหญิงผู้มีตัวตนในประวัติศาสตร์คนนี้ด้วย) ดูหนังเกี่ยวกับ คาวาชิม่า โยชิโกะ เรื่องอื่น ๆ ได้ที่นี่ครับ ดูหนังออนไลน์
สรุปสั้นๆว่า ถ้าเป็นแฟนหนังของ ดอนนี่ เยน ยังไงก็ต้องไปดูกันต่อ แต่ถ้าไม่ใช่แฟน คุณอาจต้องใช้พลังในการรอคอยซักหน่อย กว่าจะไปถึงฉากแอ๊คชั่นแต่ละซีนได้ แต่รับรองว่าแต่ละซีนนี่ เท่ห์ไม่หยอก แล้วจะหลงพี่แก