รีวิว end of the road

รีวิว end of the road

หนังใหม่แนะนำ สวัสดีครับเพื่อนๆขอบ่นก่อนเข้าเรื่องนิดนึงนะครับ -.- บางครั้งชีวิตของเราก็เล่นตลกกับเราบางครั้งก็ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จนเราแทบจะรับมันไว้ไมา่ไหว ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่บ่อยครั้ง และในหนังหลาย ๆ เรื่องก็เลือกที่จะเล่าเหตุการณ์ช่วงเวลาที่ตัวละครกำลังพบเจอกับสิ่งเหล่านั้น อย่างเช่นหนังเรื่องนี้ ‘End of the Road สุดปลายถนน’ ที่ครอบครัวหนึ่งถึงเวลาจะต้องโยกย้ายและมันก็ทำให้พวกเขาได้เจอกับอุปสรรคบางอย่างระหว่างนั้นมันเป็นหนังที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในบริการของ Netflix ทีแรกก็ไม่ได้คิดจะเปิดเข้าไปดูเท่าไหร่ แต่เมื่อเปิดเข้าไปแล้วก็ต้องให้โอกาสเขาเสียหน่อย จนในที่สุด มันก็กลับกลายมาเป็นบทความรีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันในวันนี้นี่แหละครับ

ชื่อภาพยนตร์ End of the Road
กำกับ Millicent Shelton
เขียนบท Christopher J. Moore, David Loughery
แนว/ประเภท Action, Crime, Drama, Mystery, Thriller
แสดงนำ Queen Latifah, Ludacris (as Chris Bridges), Mychala Lee, Shaun Dixon, Beau Bridges,

ส ปอย หนัง ถือเป็นหนังแอ็กชั่นทริลเลอร์เบา ๆ ที่พอดูเอามันส์ได้เล็ก ๆ แต่ก็แอบเสียดายที่เรื่องน่าจะทำให้ใหญ่โตหรือเดือดกว่านี้ได้มากจากพล็อตที่ปูไว้ตอนแรก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะทุนสร้างจำกัด จึงกลายเป็นหนังเกรดบีฟอร์มเล็กทั่วไปของ Netflix เท่านั้นครับ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว end of the road

รีวิว end of the road

รีวิว end of the road End of the Road สุดปลายถนน (2022) เป็นผลงานของผู้กำกับ มิลิเซนท์ เชลตัน ที่เคยมีผลงานซีรีส์อย่าง The Equilizer (2021) ซึ่งสาวควีน ลาติฟาห์รับบทเป็นนักแสดงนำเช่นกัน เรื่องนี้ก็เป็นแนวดราม่า แอ็คชั่น อาชญากรรมเหมือนกัน โดยร่วมมือกับนักเขียน คริสโตเฟอร์ เจ มัวร์ กับ เดวิด ลอเออรี่ เล่าเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัวพี่สาวน้องชายและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้น่าสนใจ แต่เนื้อเรื่องมีหลายจุดที่ดูแล้วขัดใจ ทั้งการขอโทษหนุ่มผิวขาว และการเข้าไปในที่เกิดเหตุหลังจากได้ยินเสียงปืน เป็นต้น

ซึ่งการดำเนินเรื่องก็สอดคล้องกับการแสดงของควีน ลาติฟาห์ ใช้เวลาปูเรื่องพอสมควร กว่าจะผ่านพ้นมาถึงกลางเรื่องนี่ สารภาพเลยว่าหลับไปหลายรอบมาก (อาจจะเพราะตอนดูผู้เขียนง่วงอยู่แล้วเป็นทุน) แต่หลังจากผ่านกลางเรื่องไปได้ความสนุกก็เริ่มมา พร้อมกับความกล้าของตัวละครเบรนด้า มีทั้งซีนขับรถซิ่ง ยิงปืน วางแผนเอาคืน ซึ่งกว่าจะมาสนุกก็เกือบจบซะแล้ว

เรื่องย่อ/การดำเนินเรื่อง

รีวิว end of the road

End of the Road เล่าเรื่องของ เบรนดา บทของ ควีน ลาติฟา คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องเลี้ยงดู เคลลี่ ลูกสาววัยรุ่น และ แคม ลูกชายวัยกำลังซน ด้วยสาเหตุจากสามีของเธอที่เป็นพ่อของเด็ก ๆ ต้องจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้าย ทำให้เบรนดาไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ไหว ต้องจำใจย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากใหม่ในเท็กซัส ซึ่งเธอคิดว่าจะมีค่าครองชีพที่ถูกกว่า

หนังเริ่มต้นเรื่องในวันที่เธอออกเดินทางไปยังเท็กซัสด้วยการขับรถขนสัมภาระไปเอง โดยมีลูก ๆ ทั้งสองและเร็จจี้ บทของ ลูดาคริส น้องชายของเบรนดา ที่ใกล้ชิดสนิทกับพี่สาวขอติดสอยไปกับครอบครัวด้วย เรื่องมาเริ่มเข้าสู่จุดวิกฤติเมื่อทั้งครอบครัวเข้าพักที่โมเต็ล ในช่วงกลางดึกห้องติดกันมีเสียงปืนดังขึ้น เบรนด้าที่เป็นพยาบาลฉุกเฉินจึงรุดไปดูที่เกิดเหตุพบชายหนุ่มถูกยิงเสียชีวิต แต่เร็จจี้น้องชายเจ้ากรรมดันไปคว้าเอากระเป๋าใบใหญ่ที่บรรจุเงินจำนวนมหาศาลมาด้วย และนั่นคือเงินของเจ้าพ่อค้ายาจอมโหด ที่ออกตามล่าครอบครัวเบรนดาเพื่อต้องการเอาเงินคืน กลายเป็นเกมไล่ล่าที่ต้องแลกด้วยชีวีต end of the road แปลไทย

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว end of the road

ตัวหนึ่งเดินเรื่องแบบให้ฟีลเหมือนหนังแนวคนปกติดีเดือด เมื่อต้องไปเผชิญกับเรื่องอันตราย แล้วต้องพยายามเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นให้ได้ โดยเปิดตัวให้ เบรนด้า แม่ของครอบครัวมีสกิลการใช้ปืนและเอาตัวรอดจากคุณปู่ที่เป็นทหารในอดีต แต่เป็นแค่เรื่องเล่าระหว่างเดินทางในรถ ก่อนที่เธอจะต้องงัดเอาสกิลบู๊ในอดีตกลับมาใช้เพื่อช่วยลูก ๆ ของเธอ

ตัวหนังเหมือนแบ่งเรื่องเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการเดินทางที่ค่อย ๆ ให้เธอเจออันตรายจากคนขาวระหว่างทางนิด ๆ พอทำให้เรารู้จักนิสัยใจคอของเบรนด้าว่าไม่ใช่คนที่พยายามมีเรื่องกับใคร ก่อนที่จะเข้าไปเจอกับเหตุการณ์ฆ่ากันของแก๊ง และน้าชายตัวดีดันไปหยิบกระเป๋าเงินก้อนโตนั้นไป ทำให้แก๊งต้องจับตัวลูกชายเธอไปแลกกับการเอากระเป๋ามาคืน

ซึ่งช่วงนี้เองที่เรื่องก็พยายามทำให้เกิดอุปสรรคไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อกระเป๋าเงินไปตกในมือคนอื่น เบรนด้าก็ต้องตามล่าเอากระเป๋าคืนมาให้ทันเวลา ซึ่งตัวเรื่องช่วงนี้ทำได้ค่อนข้างระทึก สนุกกับสถานการณ์บีบคั้นสุด ๆ โดยที่มีสายจากคนที่เรียกตัวเองว่ามิสเตอร์ครอส เป็นหัวหน้าแก๊งที่ใคร ๆ ก็ต้องกลัวมาเป็นปริศนาให้คิดอีกว่าเบรนด้าจะเอาตัวรอดจากหมอนี่ได้ไง ซึ่งดูเรื่องจะค่อย ๆ เลยเถิดไปถึงขั้นรบกับแก๊งค้ายาเลยหรือเปล่า

ตัวนักแสดงเล่นได้ดี เบรนด้า ที่เล่นโดย Queen Latifah ดูเป็นคุณแม่ที่เก็บอารมร์โกรธทุกอย่างไว้ภายในเพื่อให้ความปลอดภัยกับลูกเป็นอันดับแรก ก่อนจะระเบิดออกมา และบทก็ยังให้เธอเป็นคนดีจนถึงที่สุดด้วยการพยายามคืนเงินแล้วลายครั้ง แต่เรื่องกลับยังไม่จบตามมาหลอนเรื่อย ๆ ซึ่ก็ดูดีเกินจริงไปนิด แต่ก็พอเข้าใจเหตุผลได้ ส่วน Ludacris นักแสดงขายขำจากตระกูลฟาสก็ยังมีบทแบบเดิมมาขายขำในเรื่องนี้ต่อ แต่ก็มีความเป็นดราม่าที่แม้จะไม่เอาไหน แต่ก็ยังพยายามช่วยครอบครัวตามสไตล์ของเขา

ซึ่งก็เล่นได้กวน ๆ ขำ ๆ เนียน ๆ ไปกับเรื่องได้ แต่แล้วตัวเรื่องกลับหักมุมแบบสุด ๆ แบบที่อาจจะคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่ใช่ไปในทำนองดีนัก กลายเป็นว่าเรื่องที่ดูเหมือนจะเดือดใหญ่โตกลายเป็นสเกลเรื่องเล็ก ๆ เปลี่ยนมาเป็นแนวหนังไล่ล่าฆ่าคน แต่บทกลับเต็มไปด้วยเรื่องโง่ ๆ แบบเดิม ๆ อย่างตีตัวร้ายฟุบแล้วกลับหนีไปเฉย ๆ หรือมีโอกาสแต่กลับไม่ทำอะไรเลย ไม่โทรแจ้งตำรวจ เพื่อเปิดให้เรื่องพาไปในแนวไล่ล่าฆ่าคนกันเท่านั้น อาจจะดูมันส์ ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่นัก ก่อนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตามสูตรเป๊ะ ๆ End of the road คอร์ด

รีวิว end of the road

รีวิวend of the road เอาเข้าจริง ก็อาจเรียกได้ว่า พล็อตของหนังมันไม่ได้มีอะไรพิเศษและดูไม่ได้แปลกใหม่อะไร ก็แค่ครอบครัวหนึ่งที่คิดย้ายถิ่นจึงเกิด road trip ข้ามทะเลทรายนิวเม็กซิโกจนประสบเหตุที่ต้องเอาตัวรอดนั่นแหละและก็พบว่า หนังเริ่มมาตีตื้นเอาในครึ่งหลัง บทอาจจะยังแหม่ง ๆ บ้าง เช่น เบรนด้าต่อสู้ได้เก่งเกินจะเป็นแค่พยาบาลธรรมดา แต่หนังก็พยายามหาทางลงให้กับตัวเองได้ดีพอควร ช่วงท้าย ๆ จึงได้ลุ้นอยู่พอตัว ว่าเบรนด้า เรจจี้ เคลลี่และแคมจะเอาตัวรอดไปได้ครบทั้งหมดหรือเปล่า หนังที่ย้อมสีได้ขัดใจเรื่องนี้

เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไม่น่าสนใจเท่าไหร่ พวกเขาขับรถข้ามรัฐโดยที่แม่พยายามจะสร้างบรรยากาศแต่ลูก ๆ คล้ายจะไม่เอาด้วย บทสนทนาต่าง ๆ ดูไม่ชวนให้เพลิดเพลินนัก ขณะเหตุการณ์ที่ใส่เข้ามาก็ดูเฉย ๆ สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวนี้ต่างมีช่วงเวลาของตัวเองในการสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเบรนด้าผู้ที่ต้องหาทางแก้

ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอที่เอาเท้าแกว่งหาเสี้ยนเสียเองพฤติกรรมชวนขัดใจกับทั้งครอบครัวคือสาเหตุของเรื่อง เมื่อบังเอิญไปอยู่ข้างห้องที่เขายิงกัน เลยจะเข้าไปปฐมพยาบาลหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ปรากฏว่า คนร้ายเพียงยิงอีกฝ่ายเพื่อหวังกระเป๋าบรรทุกเงิน แต่กลับดันไม่เอาเงินไป จนเมื่อเรจจี้แอบขนไปนั่นแหละ เบรนด้าจึงถูกสายลึกลับตามจี้ให้คืนเงิน หนังเลยมีทั้งส่วนที่ดูแหม่ง ๆ กับส่วนที่ชวนสงสัย คนร้ายรู้เบอร์ของเบรนด้าได้ไง ตะหงิด ๆ ใจเลยต้องดูต่อแม้ครึ่งเรื่องจะไม่ชักชวนเลยก็ตาม All four one

บทสรุป

เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น ที่ส่วนตัวคิดว่าต้องรอกลางเรื่องไปแล้วถึงจะสนุก ความมันส์ ความลุ้นระทึกถึงจะมี ปมของเรื่องเดาทางได้บ้าง ตอนจบลงตัวสะใจ ถ้าใครชอบแนวบู๊แอ็คชั่นและเป็นแฟนสองแร็ปเปอร์อย่าง ควีน ลาติฟาห์ และลูดาคริส ก็ลองรับชมกันดู นักแสดงนำไม่ทำให้ผิดหวังและหนังยาวแค่ 91 นาที พอจะให้อดทนกับความบ้งของบทได้อยู่ บางช่วงความแอ็คชั่นมันส์สนุก แต่ไม่ได้มีทั้งเรื่อง

ด้วยความยาวของหนังที่ 89 นาทีรวมเครดิตท้ายเรื่องแล้ว ยังคงเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพของหนังได้เป็นอย่างดี เพราะหนังส่วนใหญ่ที่จบในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งแบบนี้ มักเป็นข้อยืนยันว่าคนเขียนบทไม่มีเนื้อหาอะไรจะเล่าแล้ว พยายามลากยาวให้ได้ 90 นาทีตามมาตรฐานแล้วล่ะ เอาเป็นว่าอย่าให้ตำแหน่งอันดับ 1 บนชาร์ต Netflix มาล่อหลอกได้ ถ้ามีตัวเลือกอื่น ๆ ให้ดู ก็ข้ามเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกัน พลาดไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดายเลย ส่วนตัวให้คะแนน 6/10 I Swear

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *